กอ.รมน.ภาค 4 สน. ร่วมกับ แว่นท็อปเจริญ จัดโครงการ “แว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” เพื่อช่วยเหลือ ผู้ยากไร้และมีปัญหาทางสายตาในพื้นที่ จชต.
วันที่ ( 27 กรกฎาคม 2562 ) ที่ หอประชุมโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมกับ แว่นท็อปเจริญ จัดโครงการ “แว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” สนองงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ยากไร้และมีปัญหาทางสายตา รวมถึงผู้ที่ประสบปัญหาและผู้สูญเสียในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีสุขภาพตาที่ดีขึ้น มองเห็นชัดเจนขึ้น สามารถประกอบอาชีพและดูแลตนเองได้
โดยมี พันเอกชลัช ศรีวิเชียร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายบุญส่ง ไตรภูธร ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ห้างแว่นท็อปเจริญ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 500 คน
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ได้รับการตรวจวัดสายตาจาก ทีมจักษุแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตา พร้อมเครื่องมืออันทันสมัย จากห้างแว่นท็อปเจริญ ทำการตรวจวัดสายตา ตรวจสุขภาพอาการเจ็บป่ายของดวงตา และประกอบแว่นใหม่ให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีการให้บริการตรวจสุขภาพ จากศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาให้บริการฟรีอีกด้วย
นายบุญส่ง ไตรภูธร ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ห้างแว่นท็อปเจริญ กล่าวว่า โครงการ “แว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” สนองงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นโครงการที่ทางห้างแว่นท็อปเจริญ ร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าจัดขึ้น เพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 5 ปี
ซึ่งตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมา ห้างแว่นท็อปเจริญได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน และโครงการดังกล่าวจะให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ในห้วงเดือนสิงหาคม 2562 นี้
ภาพ/ข่าว
อับดุลหาดี เจ๊ะยอ จ.ยะลา
วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
วันที่ 24 ก.ค. พลตรีหญิง คุณหญิงอัสนีย์ เสาวภาพ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุรเดช เตียวตระกูล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.ต.ท.ดร.มนัส โนนุช รองประธาน สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรรมการและผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ จัดกิจกรรม “ปลูกต้นรวงผึ้ง เฉลิมพระเกียรติ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 10” ณ สวนวชิรเบญจทัศ จตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยมีแขกผู้มีเกียรติ ศิลปิน ดารา และน้องๆ เยาวชนกลุ่มพิเศษ ผู้บกพร่องทางการได้ยิน บกพร่องทางการมองเห็น บกพร่องทางสติปัญญา บกบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง
โดยกิจกรรมในวันนี้เป็นโอกาสพิเศษอย่างยิ่ง เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี และคู่สมรส ให้เกียรติเป็นผู้นำเยาวชนกลุ่มพิเศษปลูกต้นรวงผึ้งอย่างเป็นกันเอง สร้างขวัญกำลังใจให้แก่น้องๆ เยาวชนกลุ่มพิเศษ พลตรีหญิง คุณหญิงอัสนีย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กรุงเทพมหานคร ที่ร่วมมือกันจัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสาธารณประโยชน์ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 67 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2562 ร.ต.ท.ดร.มนัส กล่าวว่า สวนวชิรเบญทัศ เป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สร้างขึ้นตามมติของคณะรัฐมนตรีสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของประชาชนทั่วไป ได้รับพระราชทานชื่อ สวนวชิรเบญจทัศ จากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ขณะดำรงพระอิสริยยศในพระราชสถานะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 วันคล้ายวันพระราชสมภพ พระชนมายุ 50 พรรษา
สวนวชิรเบญทัศ เป็นสวนสาธารณะที่มีความพิเศษและสำคัญแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่ประชาชนนิยมมาออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ ปั่นจักรยาน วิ่งออกกำลังกาย มีพื้นที่ 375 ไร่ มีผู้มาใช้สถานที่ทำกิจกรรมมากมายทุกวัน เดือนละไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนคน สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ พร้อมพันธมิตร ได้ร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตามพระบรมราโชบาย โครงการ “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” โดยการปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำพระองค์ จำนวน 110 ต้น บริเวณลานรวงผึ้ง ภายในสวนวชิรเบญทัศ เพื่อเทิดพระเกียรติและเป็นสาธารณประโยชน์กับประชาชนมากมายที่มาใช้บริการอีกทั้งเป็นการร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการพระราชดำริฯ ที่จะสร้างป่า สร้างต้นไม้ ลดมลภาวะของสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้รักต้นไม้อีกด้วย รศ.ดร.จุรีย์รัตน์ ลีสมิทธิ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือเกษตรกร” มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ กล่าวว่า คณะทำงานโดย ผู้ตรวจราชการ นายปราโมทย์ ยาใจ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ฝ่ายปฏิบัติการ นายถวิล มั่งนุ้ย จัดเตรียมต้นรวงผึ้งไว้ จำนวน 110 ต้น โดยต้นรวงผึ้งเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจาก กระทรวงเกษตรฯ และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการแจกของที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมงาน โดยการสนับสนุนจากพันธมิตร อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน นายสิงหล แสงจำปา บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ผศ. ดร. บุญมา อิ่มวิเศษ ประธานกลุ่มบริษัทในเครือสตาร์เวลล์ บริษัท ฟาร์มแชนเนล ประเทศไทย จำกัด ในเครือบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กรมพัฒนาที่ดิน บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด น.ส.หทัยรัตน์ อุดมลาภธรรม บริษัท อาร์เอ็กซ์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง จำกัด บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด บริษัท บูโอโน่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ฮงฮวด จำกัด เจนิฟู๊ด และสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปและอ.ศรันย์ธร ลิมปิษเฐียร นายกสมาคมที่ปรึกษา ผู้ประกอบการพร้อมคณะ คุณสุเนตรา สุขะเกศเลขาฯ ว่าที่ พลอากาศตรีหญิง วันเพ็ญ งามสง่า ประธานสุขภาพ คุณณัชชา สมประสิทธิ์ นายกสมาคมเยาวชน จิต อาสาพัฒนา คุณสิรัชชา รัตนปริญญาโชค ประธานสื่อ เป็นต้น
โดยกิจกรรมในวันนี้เป็นโอกาสพิเศษอย่างยิ่ง เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี และคู่สมรส ให้เกียรติเป็นผู้นำเยาวชนกลุ่มพิเศษปลูกต้นรวงผึ้งอย่างเป็นกันเอง สร้างขวัญกำลังใจให้แก่น้องๆ เยาวชนกลุ่มพิเศษ พลตรีหญิง คุณหญิงอัสนีย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กรุงเทพมหานคร ที่ร่วมมือกันจัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสาธารณประโยชน์ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 67 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2562 ร.ต.ท.ดร.มนัส กล่าวว่า สวนวชิรเบญทัศ เป็นพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สร้างขึ้นตามมติของคณะรัฐมนตรีสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของประชาชนทั่วไป ได้รับพระราชทานชื่อ สวนวชิรเบญจทัศ จากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ขณะดำรงพระอิสริยยศในพระราชสถานะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 วันคล้ายวันพระราชสมภพ พระชนมายุ 50 พรรษา
สวนวชิรเบญทัศ เป็นสวนสาธารณะที่มีความพิเศษและสำคัญแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่ประชาชนนิยมมาออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ ปั่นจักรยาน วิ่งออกกำลังกาย มีพื้นที่ 375 ไร่ มีผู้มาใช้สถานที่ทำกิจกรรมมากมายทุกวัน เดือนละไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนคน สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ พร้อมพันธมิตร ได้ร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตามพระบรมราโชบาย โครงการ “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” โดยการปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำพระองค์ จำนวน 110 ต้น บริเวณลานรวงผึ้ง ภายในสวนวชิรเบญทัศ เพื่อเทิดพระเกียรติและเป็นสาธารณประโยชน์กับประชาชนมากมายที่มาใช้บริการอีกทั้งเป็นการร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการพระราชดำริฯ ที่จะสร้างป่า สร้างต้นไม้ ลดมลภาวะของสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้รักต้นไม้อีกด้วย รศ.ดร.จุรีย์รัตน์ ลีสมิทธิ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือเกษตรกร” มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ฯ กล่าวว่า คณะทำงานโดย ผู้ตรวจราชการ นายปราโมทย์ ยาใจ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ฝ่ายปฏิบัติการ นายถวิล มั่งนุ้ย จัดเตรียมต้นรวงผึ้งไว้ จำนวน 110 ต้น โดยต้นรวงผึ้งเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจาก กระทรวงเกษตรฯ และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการแจกของที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมงาน โดยการสนับสนุนจากพันธมิตร อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน นายสิงหล แสงจำปา บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ผศ. ดร. บุญมา อิ่มวิเศษ ประธานกลุ่มบริษัทในเครือสตาร์เวลล์ บริษัท ฟาร์มแชนเนล ประเทศไทย จำกัด ในเครือบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กรมพัฒนาที่ดิน บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด น.ส.หทัยรัตน์ อุดมลาภธรรม บริษัท อาร์เอ็กซ์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง จำกัด บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด บริษัท บูโอโน่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ฮงฮวด จำกัด เจนิฟู๊ด และสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปและอ.ศรันย์ธร ลิมปิษเฐียร นายกสมาคมที่ปรึกษา ผู้ประกอบการพร้อมคณะ คุณสุเนตรา สุขะเกศเลขาฯ ว่าที่ พลอากาศตรีหญิง วันเพ็ญ งามสง่า ประธานสุขภาพ คุณณัชชา สมประสิทธิ์ นายกสมาคมเยาวชน จิต อาสาพัฒนา คุณสิรัชชา รัตนปริญญาโชค ประธานสื่อ เป็นต้น
วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
ร่วมสร้างชาติให้กับคนรุ่นใหม่ กับ “อารยศิลป์ สร้างชาติ”
นักศึกษาหลักสูตร “นักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ” (นสช.) รุ่นที่ 5 ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน จำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่การพัฒนากระบวนการความคิดที่ดีเป็นจุดแรก โดยเห็นว่ากลุ่มเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ต้องเติบโตขึ้นไปประกอบสัมมาชีพ ทุกส่วนในสังคม ในอนาคตนั้น หากได้รับพัฒนาแนวความคิด ดีอย่างถูกต้องตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ย่อมเป็นการเตรียมการที่ดีในการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคม ส่งผลดีต่อ ความสำเร็จของตัวเยาวชนเอง ครอบครัว หน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง สังคม และประเทศชาติ
จึงได้จัดตั้ง โครงการค่ายเยาวชนสร้างชาติเพื่อสร้างเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง และคนกล้า อยู่ร่วมกับสังคมไทยได้อย่างมี ความสุข สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ ส่วนตัว เพื่อประโยชน์ส่วนรวม มีความรับผิดชอบต่อสังคม สามารถนำพาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองมั่นคงยั่งยืน ในอนาคตได้ จึงได้ร่วมกันจัดตั้งโครงการอารยศิลป์ สร้างชาติ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 - 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562 โดย ภายในงานเป็นการระดมทุนจากการจำหน่ายผลงานศิลปกรรม ซึ่งมีทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ จากศิลปินแห่งชาติศิลปินชั้นนำ และจากหลากหลายผลงานของนักสะสม อาทิอ.ช่วง มูลพินิจ (ศิลปินแห่งชาติ) , ดร.สมบัติเมทนี(ศิลปินแห่งชาติ) , ชศูกัดิ์วิษณุค ารณ , สุวัฒน์วรรณมณี, ประทีป คชบัว , รศ.ดร.สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์, มล.จักรพล รัชนี, อภิชัย การิกาญจน์, ดินหิน รักพงศ์อโศก , สุวิทย์ใจป้อม , ทรงเดช ทิพย์ทอง ฯลฯ มาจัดแสดงนิทรรศการ สาธิตการทำผลงาน และจัดจำหน่ายภายในงาน อีกทั้งยังมีการจัดจำหน่ายผลงาน ศิลปกรรม ทางออนไลน์ในเพจ อารายศิลป์ สร้างชาติโดยทางโครงการได้ตั้งเป้าหมาย จำนวน 5,000,000 บาท เพื่อนำไปสมทบทุนกับโครงการค่ายเยาวชนสร้างชาติ โดยเยาวชนสร้างชาติรุ่น 4 ดำเนินการโดย NBI รุ่น 5ของ สถาบันสร้างชาติ โดย ศ.ดร.เกรียงศกัดิ์เจริญวงศ์ศกัดิ์ โครงการค่ายเยาวชนสร้างชาติได้ทำการคัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการจำนวน 321 สถาบัน ประกอบด้วย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และสถาบันอาชีวศึกษาใน 17 จังหวัดของภาคกลาง รวมกรุงเทพมหานครด้วย โดยมีเยาวชนเข้าร่วมโครงการ 963 คนและได้เข้าค่ายอบรม ระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เยาวชนทั้งหมดที่เข้าร่วมโครงการต้องกลับไปจัดตั้งชมรมเยาวชนสร้างชาติ ในทุกสถาบัน และต้องเพิ่มสมาชิกชมรม เพื่อร่วมทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับสถาบัน โรงเรียน และชุมชน โดยรอบ ซึ่งจะมีทีมบัณฑิตครูอาสาเข้าไปช่วยดูแลเป็นที่ปรึกษาให้กับเยาวชนทุกชมรม สนใจติดต่อสั่งจองภาพได้ที่เบอร์ 099-789-1536 หรือทาง Inbox ใน Fan Page ได้
เลยhttps://www.facebook.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-414081769315669/
นักศึกษาหลักสูตร “นักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ” (นสช.) รุ่นที่ 5 ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน จำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่การพัฒนากระบวนการความคิดที่ดีเป็นจุดแรก โดยเห็นว่ากลุ่มเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ต้องเติบโตขึ้นไปประกอบสัมมาชีพ ทุกส่วนในสังคม ในอนาคตนั้น หากได้รับพัฒนาแนวความคิด ดีอย่างถูกต้องตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ย่อมเป็นการเตรียมการที่ดีในการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคม ส่งผลดีต่อ ความสำเร็จของตัวเยาวชนเอง ครอบครัว หน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง สังคม และประเทศชาติ
จึงได้จัดตั้ง โครงการค่ายเยาวชนสร้างชาติเพื่อสร้างเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง และคนกล้า อยู่ร่วมกับสังคมไทยได้อย่างมี ความสุข สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ ส่วนตัว เพื่อประโยชน์ส่วนรวม มีความรับผิดชอบต่อสังคม สามารถนำพาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองมั่นคงยั่งยืน ในอนาคตได้ จึงได้ร่วมกันจัดตั้งโครงการอารยศิลป์ สร้างชาติ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 - 11 สิงหาคม พ.ศ. 2562 โดย ภายในงานเป็นการระดมทุนจากการจำหน่ายผลงานศิลปกรรม ซึ่งมีทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ จากศิลปินแห่งชาติศิลปินชั้นนำ และจากหลากหลายผลงานของนักสะสม อาทิอ.ช่วง มูลพินิจ (ศิลปินแห่งชาติ) , ดร.สมบัติเมทนี(ศิลปินแห่งชาติ) , ชศูกัดิ์วิษณุค ารณ , สุวัฒน์วรรณมณี, ประทีป คชบัว , รศ.ดร.สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์, มล.จักรพล รัชนี, อภิชัย การิกาญจน์, ดินหิน รักพงศ์อโศก , สุวิทย์ใจป้อม , ทรงเดช ทิพย์ทอง ฯลฯ มาจัดแสดงนิทรรศการ สาธิตการทำผลงาน และจัดจำหน่ายภายในงาน อีกทั้งยังมีการจัดจำหน่ายผลงาน ศิลปกรรม ทางออนไลน์ในเพจ อารายศิลป์ สร้างชาติโดยทางโครงการได้ตั้งเป้าหมาย จำนวน 5,000,000 บาท เพื่อนำไปสมทบทุนกับโครงการค่ายเยาวชนสร้างชาติ โดยเยาวชนสร้างชาติรุ่น 4 ดำเนินการโดย NBI รุ่น 5ของ สถาบันสร้างชาติ โดย ศ.ดร.เกรียงศกัดิ์เจริญวงศ์ศกัดิ์ โครงการค่ายเยาวชนสร้างชาติได้ทำการคัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการจำนวน 321 สถาบัน ประกอบด้วย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และสถาบันอาชีวศึกษาใน 17 จังหวัดของภาคกลาง รวมกรุงเทพมหานครด้วย โดยมีเยาวชนเข้าร่วมโครงการ 963 คนและได้เข้าค่ายอบรม ระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เยาวชนทั้งหมดที่เข้าร่วมโครงการต้องกลับไปจัดตั้งชมรมเยาวชนสร้างชาติ ในทุกสถาบัน และต้องเพิ่มสมาชิกชมรม เพื่อร่วมทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับสถาบัน โรงเรียน และชุมชน โดยรอบ ซึ่งจะมีทีมบัณฑิตครูอาสาเข้าไปช่วยดูแลเป็นที่ปรึกษาให้กับเยาวชนทุกชมรม สนใจติดต่อสั่งจองภาพได้ที่เบอร์ 099-789-1536 หรือทาง Inbox ใน Fan Page ได้
เลยhttps://www.facebook.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-414081769315669/
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
คลองหลวงโมเดล เข้าพรรษาสร้างอาชีพ
นางจุฑารัตน์ อิ่มชื่นศรี ปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายก จัดกิจกรรมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมแห่เทียนเข้าพรรษาพร้อมส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนเขตเทศบาลได้ทำกิจกรรมฝึกอาชีพทำขนมและการทำเทียนเข้าพรรษา
วันที่ 16 กรกฎาคม 2562 ช่วงเวลา 09:00 นถึง 16:00 น ที่หน้าเทศบาลเมืองคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นางจุฑารัตน์ อิ่มชื่นศรี ปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกคลองหลวงได้จัดกิจกรรมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมเข้าพรรษาภายในกิจกรรมจัดให้ประชาชนในเขตเทศบาล กว่า 63 ชุมชนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน มีการสาธิตวิธีการทำขนมทำอาหารและการทำเทียนเข้าพรรษาเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีความรู้มีทักษะ นำความรู้ในกิจกรรมดังกล่าวไปต่อยอดประกอบอาชีพ กิจกรรมดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากผู้นำชุมชนเป็นอย่างดีโดยมีประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองคลองหลวงส่งตัวแทนชุมชนชุมชนละ 3 -4 คนจำนวน 63 ชุมชนเข้าร่วมกิจกรรม
ทั้งนี้ทางเทศบาลเมืองคลองหลวงได้จัดบุคลากรมาให้ความรู้พร้อมกับมีการสาธิตสอนทำอาหาร อาทิ เช่น การทำข้าวคลุกกะปิ ทำหลนปลาเค็ม ผัดหมี่กรอบ ขนมบัวลอย วุ้นชนิดต่างๆ ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ลูกชุบ ข้าวหมาก เป็นต้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีความรู้และมีทักษะ สามารถนำความรู้ ในกิจกรรมดังกล่าวไปต่อยอดประกอบอาชีพ ในอนาคตได้ ซึ่งทางเทศบาลมีโครงการในอนาคตว่าจะเปิดร้านจำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมชน หรือสินค้าโอท๊อปจากผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ที่เข้าร่วมอบรมตามโครงการส่งเสริมวิชาชีพที่ทางเทศบาลเมืองคลองหลวงได้จัดขึ้น มาขายที่ร้านสวัสดิการวิสาหกิจชุมชนเพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนในเขตพื้นที่ทั้งยัง จะมีการส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยวนักศึกษาดูงานต่อไป
วันที่ 16 กรกฎาคม 2562 ช่วงเวลา 09:00 นถึง 16:00 น ที่หน้าเทศบาลเมืองคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นางจุฑารัตน์ อิ่มชื่นศรี ปลัดเทศบาลเมืองคลองหลวงปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกคลองหลวงได้จัดกิจกรรมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมเข้าพรรษาภายในกิจกรรมจัดให้ประชาชนในเขตเทศบาล กว่า 63 ชุมชนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน มีการสาธิตวิธีการทำขนมทำอาหารและการทำเทียนเข้าพรรษาเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีความรู้มีทักษะ นำความรู้ในกิจกรรมดังกล่าวไปต่อยอดประกอบอาชีพ กิจกรรมดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากผู้นำชุมชนเป็นอย่างดีโดยมีประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองคลองหลวงส่งตัวแทนชุมชนชุมชนละ 3 -4 คนจำนวน 63 ชุมชนเข้าร่วมกิจกรรม
ทั้งนี้ทางเทศบาลเมืองคลองหลวงได้จัดบุคลากรมาให้ความรู้พร้อมกับมีการสาธิตสอนทำอาหาร อาทิ เช่น การทำข้าวคลุกกะปิ ทำหลนปลาเค็ม ผัดหมี่กรอบ ขนมบัวลอย วุ้นชนิดต่างๆ ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ลูกชุบ ข้าวหมาก เป็นต้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีความรู้และมีทักษะ สามารถนำความรู้ ในกิจกรรมดังกล่าวไปต่อยอดประกอบอาชีพ ในอนาคตได้ ซึ่งทางเทศบาลมีโครงการในอนาคตว่าจะเปิดร้านจำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมชน หรือสินค้าโอท๊อปจากผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ที่เข้าร่วมอบรมตามโครงการส่งเสริมวิชาชีพที่ทางเทศบาลเมืองคลองหลวงได้จัดขึ้น มาขายที่ร้านสวัสดิการวิสาหกิจชุมชนเพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนในเขตพื้นที่ทั้งยัง จะมีการส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยวนักศึกษาดูงานต่อไป
วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
ชมรม"มิตรภาพรวมพลคนข่าว" IN THAILAND ร่วมงานแต่งบุตรสาว นายวธัช หงษ์ดวง (ตะวัน) บก.บริหาร นสพ.นินจาบางกอก
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2562 ทางชมรมได้เกียรติรับเชิญจาก นายธวัช หงษ์ดวง บก.บริหาร นสพ.นินจาบางกอก ( บิดาฝ่ายเจ้าสาว ) ร่วมงานฉลองมงคลสมรสระหว่าง นางสาวหนึ่งฤทัย หงษ์ดวง(บุตรสาว) และ นายสิทธิศักดิ์ สวัสดีผล ณ.เรือนไทยพุทธมณฑล สาย2 ซอย3/4 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ
โดยบรรยากาศภายในงาน เต็มเปี่ยมด้วยความยินดีจากญาติสนิทมิตรสหายจากทั้ง 2 ฝ่ายของคู่สมรส อีกทั้งคำอวยพรจากผู้ใหญ่และแขกที่มาร่วมภายในงาน ทั้งนี้ทางกลุ่มผู้สื่อข่าวจากหลากหลายสำนักภายใต้กลุ่ม ชมรมมิตรภาพ รวมพลคนข่าว IN THAILAND ก็ขอร่วมอำนวยพรให้แก่ผู้บ่าวสาวให้ครองรักกันอย่างยั่งยืน ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเจริญด้วยหน้าที่การงาน พร้อมสรรพด้วยทรัพย์ศฤงคาร
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2562 ทางชมรมได้เกียรติรับเชิญจาก นายธวัช หงษ์ดวง บก.บริหาร นสพ.นินจาบางกอก ( บิดาฝ่ายเจ้าสาว ) ร่วมงานฉลองมงคลสมรสระหว่าง นางสาวหนึ่งฤทัย หงษ์ดวง(บุตรสาว) และ นายสิทธิศักดิ์ สวัสดีผล ณ.เรือนไทยพุทธมณฑล สาย2 ซอย3/4 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ
โดยบรรยากาศภายในงาน เต็มเปี่ยมด้วยความยินดีจากญาติสนิทมิตรสหายจากทั้ง 2 ฝ่ายของคู่สมรส อีกทั้งคำอวยพรจากผู้ใหญ่และแขกที่มาร่วมภายในงาน ทั้งนี้ทางกลุ่มผู้สื่อข่าวจากหลากหลายสำนักภายใต้กลุ่ม ชมรมมิตรภาพ รวมพลคนข่าว IN THAILAND ก็ขอร่วมอำนวยพรให้แก่ผู้บ่าวสาวให้ครองรักกันอย่างยั่งยืน ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเจริญด้วยหน้าที่การงาน พร้อมสรรพด้วยทรัพย์ศฤงคาร
วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ปะทะเดือดกลุ่มคนร้ายก่อเหตุยิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 ศพ
จากกรณีเหตุการณ์คนร้าย 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ประกบยิงราษฎรเสียชีวิต 2 ราย
เมื่อ 9 ก.ค.2562 บริเวณถนนหมายเลข 42 ต.ตอหลัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี โดยภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าติดตามและสกัดกั้นจนเกิดการปะทะ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ1กิโลเมตร เบื้องต้นสามารถตรวจยึดรถจักรยานยนต์ของคนร้าย 2 คัน เสื้อผ้าอุปกรณ์ยังชีพและปลอกกระสุนขนาด 9 มม. และ 11 มม. ซึ่งเก็บได้จากจุดที่ยิงปะทะเจ้าหน้าที่กว่า 10 ปลอก ทั้งนี้ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยเข้าช่วยเหลือจัดการศพและช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้นให้ดีที่สุดพร้อมกับกำชับให้ตรวจสอบวัตถุพยานและจัดกำลังเข้ากดดันติดตามคนร้ายที่คาดว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บมาดำเนินตามกฏหมายโดยเร็วที่สุด ล่าสุด พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่าเมื่อ 10 ก.ค. 2562 เจ้าหน้าได้รับแจ้งจากประชาชนว่าพบความเคลื่อนไหวของบุคคลต้องสงสัย
จึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบพบศพคนร้ายนอนเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นายอาหามะ มะอะ ที่อยู่ 144 หมู่ 3 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นผกร.ระดับปฏิบัติการ มีหมายจับป.วิอาญา 2 หมาย นอกจากนี้ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุร้ายอีกหลายคดี แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ จนมาก่อเหตุกับ 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นผู้พิการทางการได้ยินจนเสียชีวิตดังกล่าวสำหรับสาเหตุการเสียชีวิตยืนยันผลจากการชันสูตรศพของแพทย์พบสาเหตุเกิดจากการขาดอากาศหายใจและมีน้ำในปอดเป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการขับรถตกในคลองชลประทานขณะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ สำหรับรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุ ตรวจสอบแล้วพบว่าคันแรกเป็นป้ายทะเบียนปลอมเป็นรถที่ถูกจารกรรมและเจ้าของได้แจ้งหายไว้กับ สภ.เมืองปัตตานี เมื่อ 12 ม.ค.2557 สำหรับคันที่2ซึ่งพบในคลองชลประทานบริเวณใกล้เคียงกับจุดปะทะเจ้าหน้าที่พบเจ้าของอยู่พื้นที่ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลาและจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบบุคคลต้องสงสัยที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับผกร.มีชื่อในทะเบียนบ้านเดียวกับผู้ครอบครองรถคันดังกล่าวซึ่งจะดำเนินการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีในฐานให้การสนับสนุนต่อไป นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจพบฐานที่พักชั่วคราวของกลุ่มผกร.บริเวณป่าพรุยางแดง ต.ตะโละแมนา อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี พบเพิงพัก1หลัง เสบียงอาหารและอุปกรณ์ยังชีพหลายรายการ คาดเป็นที่พักกลุ่มเดียวกับผกร.ที่ปะทะและหลบหนีไปก่อนหน้านี้
จากกรณีเหตุการณ์ที่เกิดสามารถยืนยันได้ว่าคนร้ายพวกนี้เป็นเพียงอาชญากรที่มุ่งทำร้ายผู้บริสุทธิ์เพียงเพื่อสนองตัณหาและอุดมการณ์จอมปลอมเพื่อประโยชน์ของกลุ่มแกนนำที่เสวยสุขในต่างแดน ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันกลุ่มคนร้ายและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสำหรับกลุ่มคนร้ายที่กำลังหลบหนีรวมทั้งผู้ให้การช่วยเหลือสนับสนุน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะเร่งขยายผลติดตามมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว อับดุลหาดี เจ๊ะยอ จ.ยะลา
เมื่อ 9 ก.ค.2562 บริเวณถนนหมายเลข 42 ต.ตอหลัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี โดยภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าติดตามและสกัดกั้นจนเกิดการปะทะ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ1กิโลเมตร เบื้องต้นสามารถตรวจยึดรถจักรยานยนต์ของคนร้าย 2 คัน เสื้อผ้าอุปกรณ์ยังชีพและปลอกกระสุนขนาด 9 มม. และ 11 มม. ซึ่งเก็บได้จากจุดที่ยิงปะทะเจ้าหน้าที่กว่า 10 ปลอก ทั้งนี้ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยเข้าช่วยเหลือจัดการศพและช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้นให้ดีที่สุดพร้อมกับกำชับให้ตรวจสอบวัตถุพยานและจัดกำลังเข้ากดดันติดตามคนร้ายที่คาดว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บมาดำเนินตามกฏหมายโดยเร็วที่สุด ล่าสุด พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่าเมื่อ 10 ก.ค. 2562 เจ้าหน้าได้รับแจ้งจากประชาชนว่าพบความเคลื่อนไหวของบุคคลต้องสงสัย
จึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบพบศพคนร้ายนอนเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นายอาหามะ มะอะ ที่อยู่ 144 หมู่ 3 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นผกร.ระดับปฏิบัติการ มีหมายจับป.วิอาญา 2 หมาย นอกจากนี้ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุร้ายอีกหลายคดี แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ จนมาก่อเหตุกับ 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นผู้พิการทางการได้ยินจนเสียชีวิตดังกล่าวสำหรับสาเหตุการเสียชีวิตยืนยันผลจากการชันสูตรศพของแพทย์พบสาเหตุเกิดจากการขาดอากาศหายใจและมีน้ำในปอดเป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการขับรถตกในคลองชลประทานขณะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ สำหรับรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุ ตรวจสอบแล้วพบว่าคันแรกเป็นป้ายทะเบียนปลอมเป็นรถที่ถูกจารกรรมและเจ้าของได้แจ้งหายไว้กับ สภ.เมืองปัตตานี เมื่อ 12 ม.ค.2557 สำหรับคันที่2ซึ่งพบในคลองชลประทานบริเวณใกล้เคียงกับจุดปะทะเจ้าหน้าที่พบเจ้าของอยู่พื้นที่ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลาและจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบบุคคลต้องสงสัยที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับผกร.มีชื่อในทะเบียนบ้านเดียวกับผู้ครอบครองรถคันดังกล่าวซึ่งจะดำเนินการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีในฐานให้การสนับสนุนต่อไป นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจพบฐานที่พักชั่วคราวของกลุ่มผกร.บริเวณป่าพรุยางแดง ต.ตะโละแมนา อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี พบเพิงพัก1หลัง เสบียงอาหารและอุปกรณ์ยังชีพหลายรายการ คาดเป็นที่พักกลุ่มเดียวกับผกร.ที่ปะทะและหลบหนีไปก่อนหน้านี้
จากกรณีเหตุการณ์ที่เกิดสามารถยืนยันได้ว่าคนร้ายพวกนี้เป็นเพียงอาชญากรที่มุ่งทำร้ายผู้บริสุทธิ์เพียงเพื่อสนองตัณหาและอุดมการณ์จอมปลอมเพื่อประโยชน์ของกลุ่มแกนนำที่เสวยสุขในต่างแดน ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันกลุ่มคนร้ายและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสำหรับกลุ่มคนร้ายที่กำลังหลบหนีรวมทั้งผู้ให้การช่วยเหลือสนับสนุน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะเร่งขยายผลติดตามมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว อับดุลหาดี เจ๊ะยอ จ.ยะลา
วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นเจ้าภาพประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 8 ประจำปี 2562 “สร้างสรรค์การวิจัย สู่การพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืน” (Research Creativity towards Sustainable Local Development)
วันนี้(10ก.ค.62) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมซาลัค ชั้น 4 อาคารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 8 ประจำปี 2562 “สร้างสรรค์การวิจัย สู่การพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืน” (Research Creativity towards Sustainable Local Development) เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยในหลากหลายสาขาวิชาให้กว้างขวาง รวมทั้งการบูรณาการศาสตร์สาขาวิชาต่าง ๆ ก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นเจ้าภาพจัดงาน ร่วมกับเครือข่ายประกอบด้วย มหาวิทยาลัยฟาฎอนี และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นองค์ปาฐก หัวข้อ วิจัย : สู่การพัฒนาท้องถิ่น
ผศ.ดร.วิไลวัลย์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวว่า การทำวิจัย ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ เป็นแหล่งข้อมูลและสร้างองค์ความรู้ที่สามารถพัฒนาและนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติได้ ดังนั้นการนำเสนอผลงานวิจัยต่อที่ประชุมจึงเป็นการเผยแพร่ผลงานวิจัยสู่สาธารณชนให้ได้ทราบ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นร่วมกันระหว่างนักวิจัยในกลุ่มสาขาวิชาเดียวกัน หรือสาขาวิชาอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนาผลงานวิจัยให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับการจัดการประชุมวิชาการระดับชาติครั้งนี้ ได้แบ่งการนำเสนอตามกลุ่มสาขาวิชาต่าง ๆ จำนวน 6 สาขาวิชา ดังนี้ กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และเกษตรศาสตร์ กลุ่มการศึกษาและอิสลามศึกษา กลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และกลุ่มบริหารธุรกิจ การท่องเที่ยว และเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมนำเสนอผลงานวิจัย จำนวนทั้งสิ้น 37 คน
นำเสนอแบบบรรยายจำนวน 20 คน และนำเสนอแบบโปสเตอร์ จำนวน 17 คน และมอบโล่รางวัลเครือข่าย
ภาพ/ข่าว อับดุลหาดี เจ๊ะยอ จ.ยะลา
วันนี้(10ก.ค.62) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมซาลัค ชั้น 4 อาคารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 8 ประจำปี 2562 “สร้างสรรค์การวิจัย สู่การพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืน” (Research Creativity towards Sustainable Local Development) เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยในหลากหลายสาขาวิชาให้กว้างขวาง รวมทั้งการบูรณาการศาสตร์สาขาวิชาต่าง ๆ ก่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นเจ้าภาพจัดงาน ร่วมกับเครือข่ายประกอบด้วย มหาวิทยาลัยฟาฎอนี และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ช่วงโชติ พันธุเวช นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เป็นองค์ปาฐก หัวข้อ วิจัย : สู่การพัฒนาท้องถิ่น
ผศ.ดร.วิไลวัลย์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวว่า การทำวิจัย ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ เป็นแหล่งข้อมูลและสร้างองค์ความรู้ที่สามารถพัฒนาและนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติได้ ดังนั้นการนำเสนอผลงานวิจัยต่อที่ประชุมจึงเป็นการเผยแพร่ผลงานวิจัยสู่สาธารณชนให้ได้ทราบ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นร่วมกันระหว่างนักวิจัยในกลุ่มสาขาวิชาเดียวกัน หรือสาขาวิชาอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนาผลงานวิจัยให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับการจัดการประชุมวิชาการระดับชาติครั้งนี้ ได้แบ่งการนำเสนอตามกลุ่มสาขาวิชาต่าง ๆ จำนวน 6 สาขาวิชา ดังนี้ กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และเกษตรศาสตร์ กลุ่มการศึกษาและอิสลามศึกษา กลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และกลุ่มบริหารธุรกิจ การท่องเที่ยว และเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมนำเสนอผลงานวิจัย จำนวนทั้งสิ้น 37 คน
นำเสนอแบบบรรยายจำนวน 20 คน และนำเสนอแบบโปสเตอร์ จำนวน 17 คน และมอบโล่รางวัลเครือข่าย
ภาพ/ข่าว อับดุลหาดี เจ๊ะยอ จ.ยะลา