วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2561

“จับแฮกเกอร์ปลอม Facebook และหลอกให้เติมเงินผ่าน ทรูมันนี่ ผู้เสียหายกว่า 300 คน”


“จับแฮกเกอร์ปลอม Facebook และหลอกให้เติมเงินผ่าน ทรูมันนี่ ผู้เสียหายกว่า 300 คน”

          ตามนโยบายรัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร            วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ที่เป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.บก.สส. สตม. ,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 ,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.บก.จร.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์     รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.ชุดปฎิบัติการที่ 2 ทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย ใช้สื่อโซเซียลเน็ตเวิร์คหลอกลวงประชาชน(ปลอมเฟสบุ๊ค) แล้วหลอกให้เติมเงินผ่านระบบทรูมันนี่ โดยมีผู้เสียหาย ทั่วประเทศกว่า 300 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
​​เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2561 เวลาประมาณ 17.30 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายปลอมเฟสบุ๊ค(Facebook) และหลอกให้ผู้เสียหายเติมเงิน ผ่านระบบทรูมันนี่ เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี โดยมีพฤติการณ์กล่าวคือ ตามวันเวลาเกิดเหตุเพื่อนผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ปลอม เฟสบุ๊ค(Facebook) โดยการแสดงตนเป็นคนอื่น แล้วส่งข้อความหาผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊ค ชื่อบัญชีดังกล่าว เพื่อหลอก ให้เติมเงินจำนวน หลายครั้ง โดยใช้วิธีการโอนเงินผ่านทาง ทรูมันนี่ วอลเล็ท (True money Wallet) ผ่านร้านสะดวกซื้อ  7-Eleven เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย
ต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้ทราบเหตุดังกล่าว และพบว่ากรณีดังกล่าวมีการแจ้งและร้องเรียนมาที่ ศูนย์ ศปอส.ตร.ด้วยเช่นกัน อีกทั้งมีผู้เสียหายจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงมีการปลอมเฟสบุ๊คคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศด้วย โดยคนร้ายรายนี้มีแผนประทุษกรรมที่ซับซ้อนและยุ่งยากต่อการติดตามตัวมาดำเนินคดี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม./รอง ผอ.ศปอส.ตร.จึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุด ศปอส.ตร. เร่งรัดดำเนินการติดตามตัวผู้กระทำผิดรายนี้ทันที  
ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค.2561 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานได้สอบปากคำผู้เสียหายสอบปากคำพยานที่กระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนทราบว่าคนร้ายรายนี้คือ นายชูเกียรติ มิ่งขวัญ อายุ 27 ปี เป็นผู้ปลอมเฟสบุ๊ค หรือแฮกเกอร์ และเป็นผู้เปิดบัญชี รับโอนเงิน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดทั้งหมด อีกทั้งเป็นผู้ถอนเงินสดที่ได้มาจากการกระทำความผิดด้วยตนเอง ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จังหวัดพิษณุโลก จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับ คนร้ายรายนี้ ต่อศาลจังหวัดชลบุรี และศาลจังหวัดชลบุรี ได้อนุมัติหมายจับที่  จ.512/2561 ลงวันที่ 4 ธ.ค.2561


ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค. 61 ชุดจับกุมประกอบด้วย พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย รอง ผกก.กก.สส.บก.น.4/หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 2, พ.ต.ท.ธนะเมศฐ์ วิจิตรจริยา , พ.ต.ท.จักริน พิริยะจิตตะ สว.สส.บก.น.4 , ร.ต.อ.พิเชษ         ทรงบัณฑิต รอง สว.สส.สน.โคกคราม , ร.ต.ท.พีรสิษฐ์ จุลพิภพ พร้อมพวก ได้ร่วมกันจับกุมตัว                         นายชูเกียรติ มิ่งขวัญ ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่  จ.512/2561 ลงวันที่ 4 ธ.ค.2561 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ,กระทำด้วยประการใดๆโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็คทรอนิคส์ เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ ,โดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแต่ประชาชน” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อนึ่ง เนื่องจากคดีนี้คนร้ายรายนี้ ได้ก่อเหตุตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2559 มีผู้เสียหายจำนวนมาก และกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.วัดพระยาไกร และ สน.บางขุนเทียน จึงขอประชาสัมพันธ์ ให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว มาแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ ได้ที่ ศูนย์ ศปอส.ตร. หรือ ที่ สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ต่อไป





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น