“จับแฮกเกอร์ปลอม Facebook และหลอกให้เติมเงินผ่าน ทรูมันนี่ ผู้เสียหายกว่า 300 คน”
ตามนโยบายรัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ที่เป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.บก.สส. สตม. ,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 ,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.บก.จร.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.ชุดปฎิบัติการที่ 2 ทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้าย ใช้สื่อโซเซียลเน็ตเวิร์คหลอกลวงประชาชน(ปลอมเฟสบุ๊ค) แล้วหลอกให้เติมเงินผ่านระบบทรูมันนี่ โดยมีผู้เสียหาย ทั่วประเทศกว่า 300 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2561 เวลาประมาณ 17.30 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายปลอมเฟสบุ๊ค(Facebook) และหลอกให้ผู้เสียหายเติมเงิน ผ่านระบบทรูมันนี่ เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี โดยมีพฤติการณ์กล่าวคือ ตามวันเวลาเกิดเหตุเพื่อนผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ปลอม เฟสบุ๊ค(Facebook) โดยการแสดงตนเป็นคนอื่น แล้วส่งข้อความหาผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊ค ชื่อบัญชีดังกล่าว เพื่อหลอก ให้เติมเงินจำนวน หลายครั้ง โดยใช้วิธีการโอนเงินผ่านทาง ทรูมันนี่ วอลเล็ท (True money Wallet) ผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย
ต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้ทราบเหตุดังกล่าว และพบว่ากรณีดังกล่าวมีการแจ้งและร้องเรียนมาที่ ศูนย์ ศปอส.ตร.ด้วยเช่นกัน อีกทั้งมีผู้เสียหายจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงมีการปลอมเฟสบุ๊คคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศด้วย โดยคนร้ายรายนี้มีแผนประทุษกรรมที่ซับซ้อนและยุ่งยากต่อการติดตามตัวมาดำเนินคดี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม./รอง ผอ.ศปอส.ตร.จึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุด ศปอส.ตร. เร่งรัดดำเนินการติดตามตัวผู้กระทำผิดรายนี้ทันที
ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค.2561 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานได้สอบปากคำผู้เสียหายสอบปากคำพยานที่กระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จนทราบว่าคนร้ายรายนี้คือ นายชูเกียรติ มิ่งขวัญ อายุ 27 ปี เป็นผู้ปลอมเฟสบุ๊ค หรือแฮกเกอร์ และเป็นผู้เปิดบัญชี รับโอนเงิน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดทั้งหมด อีกทั้งเป็นผู้ถอนเงินสดที่ได้มาจากการกระทำความผิดด้วยตนเอง ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จังหวัดพิษณุโลก จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับ คนร้ายรายนี้ ต่อศาลจังหวัดชลบุรี และศาลจังหวัดชลบุรี ได้อนุมัติหมายจับที่ จ.512/2561 ลงวันที่ 4 ธ.ค.2561
ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค. 61 ชุดจับกุมประกอบด้วย พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย รอง ผกก.กก.สส.บก.น.4/หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 2, พ.ต.ท.ธนะเมศฐ์ วิจิตรจริยา , พ.ต.ท.จักริน พิริยะจิตตะ สว.สส.บก.น.4 , ร.ต.อ.พิเชษ ทรงบัณฑิต รอง สว.สส.สน.โคกคราม , ร.ต.ท.พีรสิษฐ์ จุลพิภพ พร้อมพวก ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายชูเกียรติ มิ่งขวัญ ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.512/2561 ลงวันที่ 4 ธ.ค.2561 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ,กระทำด้วยประการใดๆโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็คทรอนิคส์ เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ ,โดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแต่ประชาชน” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อนึ่ง เนื่องจากคดีนี้คนร้ายรายนี้ ได้ก่อเหตุตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2559 มีผู้เสียหายจำนวนมาก และกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.วัดพระยาไกร และ สน.บางขุนเทียน จึงขอประชาสัมพันธ์ ให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว มาแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายรายนี้ ได้ที่ ศูนย์ ศปอส.ตร. หรือ ที่ สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น