พ่อร้องสื่อ ลูกชายถูกตำรวจอุ้มไปซ้อม ผ่านมาเกือบปี คดีไม่คืบหน้า... เตรียมนำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.
พ่อของผู้ได้รับบาดเจ็บร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน หลังลูกชายถูกกลุ่มตำรวจกว่า 5 คน เข้ามาในบ้านโดยไม่มีหมายค้น แลัวอุ้มลูกชายไปทำร้าย เตะและตบบ้องหู และใช้ถุงพลาสติกคุมหัวแล้วยกขึ้นทำซ้ำๆ หลายครั้ง จนขาดอากาศหายใจ ต้องร้องขอชีวิต ก่อนปล่อยตัวยังข่มขู่ห้ามไปบอกใคร ห้ามไปบอกสื่อ ผ่านมา เกือบปีแต่คดีไม่คืบหน้า...หวั่นได้รับอันตราย
วันที่ 25 มี.ค.64 นายวิวัฒน์ แก้วงาม อยู่บ้านเลขที่ 81/39 ม.11 ต.หนองตาแต้ม อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้เสียหาย เล่าว่าเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2563 เวลาประมาณ 15.00 น. ช่วงเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ เข้ามาในบ้านโดยบอกว่าเป็นตำรวจโดยไม่มีหมายค้นแต่อย่างใด โดยหนึ่งในนั้น ได้เดินมาเคาะและขย่มประตูบ้านพร้อมกับพูดเสียงดังในลักษณะตะคอกว่า "มึงเปิดประตู มึงเปิดประตู มึงเปิดประตูเดี๋ยวนี้" ผู้เสียหายด้วยความกลัว และก็ตกใจ จึงได้ลุกขึ้นไปเปิดประตูบ้าน หลังจากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว ได้เข้ามาในบ้านทันที บังคับให้ผู้เสียหาย ให้นั่งอยู่นิ่งๆ และยึดโทรศัพท์พร้อมพูดว่า "ห้ามโทรหาใคร" ส่วนคนอื่นๆ ก็ทยอยเข้ามาภายในบ้านแล้วต่างคนต่างก็ได้แยกย้ายกันไปตรวจค้นภายในบ้าน ผู้เสียหายจึงสอบถามกลุ่มชายฉกรรจ์ว่า "เป็นใคร ต้องการอะไร มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้ในบ้านของผม" หนี่งในกลุ่มชายฉกรรจ์บอกว่า "มึงก็รู้ว่าพวกกูเป็นตำรวจ มึงอย่าหัวหมอ" หลังจากพูดจบคนที่พูดก็ได้เตะเข้าที่ชายโคลงด้านซ้าย 1 ครั้ง และตบที่ศรีษะอีก 1 ครั้ง แล้วคนอื่นๆ ก็บังคับให้พี่สะใภ้ของตนเดินไปเปิดประตูห้องภายในบ้านทุกห้อง กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว ต่างแยกย้ายกันตรวจรื้นค้นภายในบ้าน และนอกบ้าน ทั้งๆ ที่ผู้เสียหายห้ามทำการตรวจค้น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อฟัง หลังจากนั้นแม่ของผู้เสียหายได้กลับมาที่บ้าน กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว ได้บังคับให้แม่ผู้เสียหายไปเปิดตู้เซฟภายในห้องนอน เมื่อเปิดเซฟออกมาก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว อ้างเป็นตำรวจแต่ไม่ได้แต่งเครื่องแบบชุดตำรวจ ไม่แสดงตัวตนว่าเป็นตำรวจ หลังจากตรวจค้นก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายภายในบ้าน กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว ได้นำตัวผู้เสียหายขึ้นรถยี่ห้อ Toyota รุ่น Fortuner สีดำไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยให้ผู้เสียหายนั่งส่วนท้ายบริเวณสำหรับวางของภายในรถ หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Yamaha รุ่น Fino หมายเลขทะเบียน ขฉษ 129 จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นรถของแม่ผู้เสียหาย ขับออกไปโดยพละการ
กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้นำตัวผู้เสียหายมาที่บ้านพักหลังหนึ่ง อยู่ใกล้กับเคหะแห่งชาติบ้านเอื้ออาทรหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากบ้านผู้เสียหายประมาณ 10 กิโลเมตร ภายในบ้านยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 4-5 คน กำลังเล่นการพนันไฮโลกันอยู่ กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวได้นำตัวผู้เสียหายเข้าไปในบ้านพัก และบังคับให้ผู้เสียหายล่อซื้อยาเสพติด ทั้งๆที่ผู้เสียหายไม่ยินยอมเพราะผู้เสียหายไม่รู้จักคนขาย และคนเสพยาเสพติด หนึ่งในนั้นจึงพูดว่า "มึงอย่ากวนตีน" จากนั้นหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ได้มัดมือผู้เสียหายไขว้หลัง และใส่กุญแจมือ พร้อมกับเตะเข้าบริเวณลำตัวของผู้เสียหาย ผู้เสียหายล้มลงแล้ว ยังได้กระทืบซ้ำบริเวณหลัง และได้เตะผู้เสียหายอีกหลายครั้ง หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นนายตำรวจยศ รตอ.ได้พูดว่า "มึงหายาให้กูได้ไหม" ผู้เสียหายจึงได้ปฎิเสธว่าไม่รู้จักผู้ขายจริงๆ ตำรวจยศ รตอ.ดังกล่าว ได้ถีบที่ต้นขาผู้เสียหาย หลังจากนั้น หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ได้นำถุงพลาสติกแบบหูหิ้วสวมศีรษะคุมตลอดจากลำคอของผู้เสียหายแล้วรีดอากาศภายในถุงออกปิดปากปิดจมูกและรัดคอ เพื่อให้ผู้ที่หายทรมานและหายใจไม่ออก แล้วหิ้วขึ้นจนถุงพลาสติกขาด จากนั้นหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ก็ทำซ้ำแบบเดิมแต่เพิ่มถุงพลาสติกเป็น 2 ใบซ้อนกัน เพื่อให้หนากว่าเดิมแล้วหิ้วยกขึ้น จนถุงขาดหลังจากถุงขาดแล้ว ก็ได้พูดบังคับข่มขู่ให้ผู้เสียหายทำการล่อซื้อยาเสพติด ผู้เสียหายก็ปฏิเสธต่อกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวว่าไม่รู้จักผู้ขายยาเสพติดจริงๆ หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว ก็ได้นำถุงพลาสติกมาทำแบบเดิมอีกหลายครั้ง จนผู้เสียหาย หายใจไม่ออกจนเกือบจะตาย ผู้เสียหายได้ร้องขอชีวิตหลายครั้ง กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเมื่อเห็นว่าผู้เสียหายไม่สามารถหายาเสพติดให้ได้จึงได้ปล่อยตัวในเวลา 21.00 น. ของวันที่เกิดเหตุพร้อมกับพูดข่มขู่ห้ามไม่ให้ผู้เสียหายบอกใครหรือแจ้งความร้องทุกข์หรือร้องเรียนหน่วยงานใดหากมิฉะนั้นจะโดนกระทำหนักกว่าเดิมและยัดยาเสพติดเพื่อจับกุมดำเนินคดี
ภายหลังได้รับการปล่อยตัวผู้เสียหายได้กลับมาที่บ้านกินยาแก้ปวด ไม่ได้ไปหาหมอทันทีเนื่องจากเป็นช่วงเวลาดึกและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จนรุ่งเช้าของวันที่ 21 ก.ค. 2563 ผู้เสียหาย จึงได้เดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผลการตรวจ สั่งยาแล้วกลับมาบ้านเพื่อรอดูอาการแต่อาการของผู้เสียหายไม่ทุเลา ต่อมาวันที่ 22 ก.ค. 63 ผู้เสียหายได้เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลกรุงเทพ-หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แพทย์ให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 1 คืน ความเห็นของแพทย์ระบุว่ามีบาดแผลถลอกเป็นแนวยาวรอบคอและข้อมือทั้งสองข้างกว้างประมาณ 1.5 ซม.บาดแผลรอยพกช้ำที่บริเวณลำคอด้านซ้าย ขนาด 2 ซม. บาดแผลพกช้ำบริเวณใบหูซ้ายขนาด 3 ซม. บาดแผลถลอกบริเวณหลังส่วนล่างด้านขวาขนาด 3 ซม. และการปวดบริเวณลำคอ ผู้เสียหายกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนไม่ได้แจ้งความไว้ที่พนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่ ที่เกิดเหตุเนื่องจากเกรงว่าจะไม่รับความเป็นธรรมและไม่ปลอดภัย ผู้เสียหายจึงได้ดำเนินการฟ้องต่อศาลเองและมีความประสงค์จะดำเนินคดีด้วยตนเองจนถึงที่สุด ด้านผู้ใหญ่วิโรจน์ แก้วงาม พ่อของผู้เสียหายกล่าวว่า...ตนรู้สึกเสียใจ และส่งสารลูกมาก ที่ถูกตำรวจซ้อมเกือบปางตายแล้วแถมจะยัดยาให้กับลูกตนอีก ถึงขั้นเอาถุงพลาสติกครอบห้วแล้วยกขึ้นทำให้ลูกของตนขาดอากาศหายใจทำซ้ำๆจนลูกชายต้องร้องของชีวิต จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่เร่งทำคดี จับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ถึงที่สุด แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวความปลอดภัยของครอบครัวและลูกชายตน ผู้ใหญ่วิโรจน์ แก้วงาม ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวที่ลงพื้นที่เพิ่มเติมว่า...ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์วนเวียนเข้ามาหาและติดตามตลอด ขอให้ตนและครอบครัวยอมไกล่เกลี่ยไม่แจ้งความกล่าวโทษร้องทุกข์แก่กลุ่มตำรวจดังกล่าว พร้อมเสนอเงินเยียวยาให้ตนและครอบครัวเป็นเงินจำนวนหลายแสนบาท เพื่อจะได้ยุติคดีความ แต่ตนได้ปฏิเสธไป แล้วขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด สวนคดีความได้ผ่านมาเกือบปีแล้วไม่มีความคืบหน้าจึงมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ให้ช่วยเหลือ ส่วนในด้านหลักฐานลูกชายตนจดจำใบหน้าตำรวจที่เข้ามาอุ้มได้อย่างชัดเจน และมีกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการ์ขณะกลุ่มตำรวจได้เข้ามาในบ้านของตนใว้ทั้งหมด หลังจากนี้ถ้าไม่ได้ความเป็นธรร ม คดีไม่มีความคืบหน้า จะเดินทางมาขอเข้าพบ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวของตน และจะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรม ที่ศูนย์ร้องเรียนรับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ให้ช่วยเหลือต่อไป เอ คนข่าว รายงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น