จับกุมแก๊งชาวจีนขอทานในไทย
ตามนโยบายของรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการกวดขันจับกุมกลุ่มบุคคลต่างชาติที่เข้ามากระทำผิดในประเทศไทยในลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติอาทิ เช่น กลุ่มเครือข่ายแก๊ง Call Center, กลุ่มเครือข่ายปลอมบัตรแปลงข้อมูลบัตรเครดิต (Skimming), เครือข่ายBlack Money, กลุ่มเครือข่ายแสร้งรักออนไลน์ (Romance Scam) ตลอดจนอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเช่นกลุ่มชาวต่างชาติที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มอิทธิพลในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญซึ่งกลุ่มบุคคลเหล่านี้ล้วนแต่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยแฝงตัวมาในคราบของนักท่องเที่ยว นั้น
ทางศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มชาวต่างชาติมีพฤติกรรมขอทานตามแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จึงสั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าเป็นกลุ่มแก๊งคนพิการชาวจีนได้มาเปิดห้องพักที่โรงแรมย่านสุทธิสาร จากนั้นช่วงเช้าจะแยกย้ายกันไปขอทานตามสถานที่ต่างๆ ช่วงเย็นจะกลับเข้ามายังโรงแรมที่พัก และจะมีคนหนึ่งนำเหรียญที่ได้จากการขอทานไปแลกตามร้านสะดวกซื้อ แล้วนำเงินมาแบ่งกันที่โรงแรม จนกระทั่งวันที่ 21 ธ.ค.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ จำนวน 6 ราย คือ
1.นางสาวลูไควเนียง (Miss LU KUAINENG) อายุ 27 ปี สัญชาติ จีน หนังสือเดินทางเลขที่ EE3306597
2.นางสาวควินเจียงลิน (Miss QIN JIANGLIN) อายุ 21 ปี สัญชาติ จีน หนังสือเดินทางเลขที่ EA3156525
3.นายหวังไลโบ (Mr.WANG LAIBO) อายุ 30 ปี สัญชาติ จีน หนังสือเดินทางเลขที่ EE4159288
4.นายเหลาซิน (Mr.LUO XIN) อายุ 31 ปี สัญชาติ จีน หนังสือเดินทางเลขที่ EE0433287
5.นายควินดาวยู (Mr.QIN DAOYU) อายุ 46 ปี สัญชาติ จีน หนังสือเดินทางเลขที่ ED5803210
6.นายเรนฮีเฉิง (Mr.REN HECHENG) อายุ 29 ปี สัญชาติ จีน
จับกุมได้บริเวณสะพานลอยหน้าห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต บริเวณสะพานลอยหน้าห้างสรรพสินค้าพาต้าปิ่นเกล้า และบริเวณทางเท้าใกล้สถานีรถไฟฟ้าอารีย์ พร้อมกระป๋อง และเงินสดจำนวนหนึ่ง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ทำการขอทาน (ตาม มาตรา 13 พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559)” และ “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้าและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น