โดยภายในงานมี พล.ต.ต.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ุ รองผบช.สตม., พล.ต.ต. พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง ผบก.ตม.5 พ.ต.อ.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ รองผบก.ตม.2 พ.ต.อ.โยธิน โตสง่า ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม ตลอดจนข้าราชการตำรวจในสังกัดให้การต้อนรับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากปัจจุบันอาชญากรรมด้านการลักลอบขนคนเข้าเมือง และการลักลอบเดินทางไปทำงานต่างประเทศของคนไทย มีจำนวนเพิ่มขึ้น เสี่ยงต่อการถูกบังคับใช้แรงงาน ถูกบังคับให้ค้าประเวณี หรือตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ริเริ่มโครงการการฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินความเสี่ยงผู้โดยสาร ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวมีด้วยกัน 3 รุ่น
โดยเน้นอบรมข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำสนามบินให้มีทักษะในการสกัดกั้นปัญหาดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้กำลังพลที่สำคัญที่สุดคือ กำลังพลในชั้นผู้ปฎิบัติ ตั้งแต่ระดับสารวัตร-ชั้นประทวน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนองศ์กร ดังนั้นการฝึกอบรมและพัฒนะทักษะเพื่อเพิ่มศักยภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ขณะเดียวกันพื้นที่สนามบิน การคัดกรองบุคคลเข้า-ออกประเทศ เป็นสิ่งสำคัญ ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอยู่ระหว่างการนำระบบเอไอ(artificial intelligence) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่มาใช้ โดยตั้งเป้าในสี่เดือนข้างหน้าจะมีการนำระบบเอไอเข้ามาใช้แทนระบบเดิม ทังนี้เพิ่มความสะดวกให้กับบุคลากรในการทำงาน ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวเดินผ่านเข้าออกภายในประเทศ ลดการสะสมของท้ายแถวเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น