จับกุมแก๊งมองโกเลียล้วงกระเป๋าลักทรัพย์นักท่องเที่ยว
ตามนโยบายของรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ดำเนินการเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมโดยเฉพาะอาชญากรรมที่ชาวต่างชาติได้เข้ามากระทำความผิด ในประเทศไทย และมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม./รอง ผอ.ศปอส.ตร. ,พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท. ,นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ,พล.ต.ต. วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1 ,พล.ต.ต. อาชยน ไกรทอง ผบก.บก.ตม.3 ,พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 ,พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา ,พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย รอง ผบก.ทท.1 ,พ.ต.อ.สุรชัช สุวรรณศรี ผกก.3 บก.ทท.1 ,พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพะยอม ผกก.สส.ปป. บก.ตม.2 ,พ.ต.อ.แดนไทย ปลั่งดี ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการสืบสวนจับกุม แก๊งมองโกเลียล้วงกระเป๋าลักทรัพย์นักท่องเที่ยว โดยชุดสืบสวนจับกุมประกอบด้วย พ.ต.ท.ชย พานะกิจ รอง ผกก.ฝอ.๓ บช.ทท., พ.ต.ท. เอก มหาสวัสดิ์ รอง ผกก.๓ บก.ทท.๑ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมโดย กก.3 บก.ทท.1 ประกอบด้วย พ.ต.ต.อภิรุ่ง เพียรมงคล สว.กก.๓ บก.ทท.๑ ,ร.ต.อ.อรรถพล เจริญพร, ร.ต.อ.ณัฐภาค ระมะลี, ร.ต.ต.สมบัติ บุญรอด รอง สว.กก.๓ บก.ทท.๑ ,ด.ต.ไพโรจน์ ผินเผือก ,ด.ต.ชานนท์ สมุทรจินดา, ด.ต.สมชาย โต๊ะสุวรรณ, ด.ต.หญิง ธนกร เกตุสมพงษ์, ส.ต.ท.พิเดช ราชประโคน, ส.ต.ท.เอกพันธ์ พิมเสน , ส.ต.ท.ธนยศ พรหมบุตร ส.ต.ท.พจวัฒน์ บุญรอด , ส.ต.ท.จิราธิพันธ์ ดารารัตน์ ผบ.หมู่ กก.๓ บก.ทท.๑ พร้อมหน่วยร่วมปฏิบัติ กก.สส.ปป.บก.ตม.2, สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ส่วนปฏิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา ดังนี้ 1. นายคิชิคบาตา โบลด์ ( Mr.Khishigbata Bold ) อายุ ๔๐ ปี สัญชาติมองโกเลีย เลขหนังสือเดินทางที่ E1780654 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ๑๙๑/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ 2. นายเธอร์มังค์ บูเรนจาร์กัล ( Mr.Turmunkh Burengargal ) อายุ ๔1 ปี สัญชาติมองโกเลีย เลขหนังสือเดินทางที่ E1903298 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ๑๙3/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ 3. นางสาวอุลชิบายา บัทเทอร์เดเน่ ( Ms.Ulzibayar Baterdene ) อายุ 35 ปี สัญชาติมองโกเลีย เลขหนังสือเดินทางที่ E2318048 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ ๑๙0/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒ ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในท่าอากาศยานโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป” มูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ 200,000 บาท พร้อมทั้งตรวจยึดเงินสกุลต่างชาติซึ่งประกอบด้วย - เงินดอลลาร์สหรัฐจำนวน 8,665 เหรียญสหรัฐ - เงินยูโรจำนวน 3,650 ยูโร - เงินเยนญี่ปุ่นจำนวน 90,000 เยน - เงินอาเจนตินา 1,355 เปโซ - เงินดองเวียดนาม 400,000 ดอง - เงินดอลลาร์ออสเตรเลียจำนวน 500 ดอลลาร์ เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2562 เวลาประมาณ 17.00 น.ชุดสืบสวนได้รับแจ้งจาก MR.VOKER WILLI MAUSS อายุ 59 ปีหมายเลขหนังสือเดินทาง C5KKTV336 สัญชาติเยอรมัน แจ้งว่า ตนเดินทางเข้ามา ด้วยเที่ยวบิน TG923 เส้นทาง Frankfurt-Bangkok มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 15.30 น.และได้แลกเงินที่เคาร์เตอร์แลกเงินที่บริเวณสายพานรับกระเป๋า ต่อมาได้เดินออกมาซื้อน้ำที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทชั้น 2 ประตู 3 ผู้โดยสารขาเข้า และเดินลงไปต่อแถวขึ้นรถแท็กซี่เมื่อกำลังจะขึ้นแท็กซี่ พบว่ากระเป๋าเงินของตนหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า มีกลุ่มชายหญิงต้องสงสัยจำนวน 4 คน ได้เดินตามผู้เสียหายตั้งแต่บริเวณชั้น 1 ประตู 3 ไปจนถึงจุดเข้าคิวรถแท็กซี่ และผู้หญิงซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องสงสัยได้ล้วงเอากระเป๋าเงินของผู้เสียหายไปโดยภายในกระเป๋าดังกล่าวมีเงินจำนวน 300 ยูโร ,สำเนาหนังสือเดินทาง ,บัตรเครดิต จำนวน 1 ใบ จากนั้นกลุ่มผู้ต้องสงสัยจึงได้เดินลงไปที่รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งและได้ลงมือก่อเหตุล้วงกระเป๋านักเที่ยวชาวออสเตรเลียชื่อ MR.MICHAEL STUART WILLIANS ได้ทรัพย์สินเงินสดจำนวน 500 เหรียญออสเตรเลีย ,บัตรเครดิตการ์ด ก่อนขึ้นรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งไปลงที่สถานี พญาไท และต่อรถไฟฟ้า BTS จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มต้องสงสัยชายหญิง ๔ คน ดังกล่าว เป็นชาวมองโกเลีย ( ตามรายชื่อผู้ต้องหาดังกล่าวข้างต้น ) แผนประทุษกรรมของกลุ่มนี้ แต่ละคนมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจนตามภาพวงจรปิด โดยทั้ง ๔ คน จะเดินตระเวนหาเหยื่อภายในสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อพบ MR.VOKERฯ (ผู้เสียหาย) จะเดินตามประกบผู้เสียหาย เมื่อสบโอกาส Miss ULZIIBAYARฯ จึงลงมือล้วงกระเป๋าเงินออกจากเสื้อคลุมของผู้เสียหายไป หลังจากได้ทรัพย์สินของ MR.VOKERฯ มาแล้ว ยังคงเดินตระเวนหาเหยื่ออย่างต่อเนื่อง โดยเดินต่อลงมายังชั้นใต้ดิน พบเหยื่อกำลังต่อแถวซื้อตั๋วเดินทางแอร์พอร์ตลิ้ง MISS.ULZIIBAYARฯ จึงเดินประกบเข้าคิวต่อหลังเหยื่อเช่นเคย โดย MR.KHISHIGBAATARฯ, MR.ENKHTURฯ และ MR.TURMUNKHI จะสลับสับเปลี่ยนกันเดินวนและยืนกางแผนที่เพื่อบังบริเวณหลังเหยื่ออีกทางหนึ่ง แต่ไม่สบโอกาสจึงไม่ได้ลงมือ หลังจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหานำบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปตระเวนรูดซื้อสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพง ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของรถไฟฟ้า BTS ต่อ พบกลุ่มต้องสงสัยนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีสยาม เพื่อเปลี่ยนขบวนรถนั่งย้อนกลับไปรถไฟฟ้าสถานีราชดำริ และเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้านั่งวกกลับมายังสถานีสยามอีกครั้ง ทั้งนี้กลุ่มต้องหาทั้ง ๔ คน ยังคงมีทีท่าเดินหาเหยื่อยังคงนั่งรถไฟฟ้า BTS วนเวียนหาเหยื่อเพื่อลักทรัพย์ต่อไปอีก จึงเชื่อได้ว่ารูปแบบแผนประทุษกรรมของกลุ่มต้องสงสัยนี้เป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน และก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วจะรีบเดินทางหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรไทย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ กระทั่งวันที่ 18 มี.ค.2562 พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมจึงได้ร่วมกันจับกุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากกรณีดังกล่าว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. และนายกิตติพงษ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานต่างๆ เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติและขอประชาสัมพันธ์ไปยังนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้ระมัดระวังและสอดส่องดูแลทรัพย์สินของตนในระหว่างการเดินทาง หากเกิดกรณีทรัพย์สินสูญหายให้แจ้งสายด่วน 1155 หรือ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น