วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รองผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.นฤวัต พุทธวิโร สว.งานสายตรวจ 1 พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รองผบช.ภ.8 ร่วมกันแถลงข่าวนายสมชาย ทองมี อายุ38ปี ,นายอรรถชัย ทองผุด อายุ 18 ปี ,นายโกวิท ณ พัทลุง อายุ 25ปี ,นายธนศักดิ์ จารุกิจมนตรี อายุ 45 ปี และนายพฤทธ์ ทองศรีชุม อายุ 34ปี. หลังร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายลูกหนี้โหด

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม.  พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3  พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รองผกก.สายตรวจ  พ.ต.ท.นฤวัต พุทธวิโร สว.งานสายตรวจ 1 พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รองผบช.ภ.8 ร่วมกันแถลงข่าวนายสมชาย ทองมี อายุ38ปี ,นายอรรถชัย ทองผุด อายุ 18 ปี ,นายโกวิท ณ พัทลุง อายุ 25ปี ,นายธนศักดิ์ จารุกิจมนตรี อายุ 45 ปี และนายพฤทธ์ ทองศรีชุม อายุ 34ปี. หลังร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายลูกหนี้โหด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์กลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 7-8 คน อ้างว่าเป็นพนักงานจากบริษัท ไฟแนนซ์ รุมทำร้าย เพื่อต้องการที่จะยึดรถคันที่นายวัชรินทร์ เดชศรี ชาวจ.กระบี่ ขณะกำลังขับถอยเข้าจอดบริเวณลานจอดรถห้างเทสโก้โลตัส สาขากระบี่ ต่อหน้าภรรยา, แม่ และลูกวัย 1 ขวบ ภายหลังนายวัชรินทร์ฯได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ และมีการโพสต์วีดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวลงในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เกิดความหวาดระแวงต่อประชาชนทั่วไป ทาง
ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทาเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือศปอส.ตร. จึงร่วมกับสภ.เมืองกระบี่ จึงได้ดำเนินการสืบสวนผู้กระทำความผิด จนทราบว่าผู้ร่วมก่อเหตุมีด้วยกัน 5 คน ประกอบไปด้วยนายสมชาย ทองมี อายุ38ปี ,นายอรรถชัย ทองผุด อายุ 18 ปี ,นายโกวิท ณ พัทลุง อายุ 25ปี ,นายธนศักดิ์ จารุกิจมนตรี อายุ 45 ปี และนายพฤทธ์ ทองศรีชุม อายุ 34ปี 

ภายหลังการออกหมายจับ นายสมชาย,นายอรรถชัยและนายโกวิท ได้เข้ามามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ 2 รายคือ นายธนศักดิ์และ นายพฤทธ์ หลบหนีการจับกุม ซึ่งภายหลังทราบว่าได้ไปกบดานที่จ.ตรัง จึงนำกำลังไปจับกุมพร้อมได้ตรวจยึดรถยนต์จำนวน 2คัน ซึ่งเป็นรถที่กลุ่มผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วิธีการติดตามทวงหนี้มีหลายวิธี แต่วิธีการที่ใช้กำลังถือว่าไม่ถูกต้อง บ้านเมืองมีขื่อมีแปร มีกฎหมาย มีกติกา ขณะเดียวกันเห็นใจทั้งสองฝ่าย แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกฎหมาย และต้องใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการดำเนินการไม่ใช่การใช้กำลังในการติดตามทวงหนี้ อย่างไรก็ตามฝากไปยังไฟแนนซ์ หรือลิสซิ่ง ที่ใช้บุคคลที่มีพฤติกรรมติดตามทวงหนี้ลักษณะเช่นนี้ขอให้หยุด ไม่เช่นนั้นจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งในเรื่องของการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญดำเนินการแก้ไขโดยพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งในวันที่ 26 ต.ค.  ทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณจะลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อคืนโฉนดให้กับพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของนายทุนเงินกู้ที่ทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม 

จากการตรวจสอบพบว่าหนึ่งในผู้ต้องหาคือนายธนศักดิ์ จารุกิจมนตรี ถูกดำเนินคดีในคดีฉ้อโกง ซึ่งต่อมาได้หลบหนีการฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลได้ลงโทษจำคุก 13 เดือน อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างการขยายผลกระบวนการนี้ว่ามีผู้ใดว่าจ้าง รวมทั้งจะดำเนินการตรวจสอบไฟแนนซ์ลิสซิ่งที่มีพฤติกรรมในลักษณะทวงหนี้ตามหนี้โดยใช้กำลัง ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการหารือกับกระทรวงการคลังทำให้พบข้อมูลว่ามีกลุ่มไฟแนนซ์ ที่ดำเนินการผิดข้อบังคับของกระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมดำเนินคดีกับไฟแนนซ์ที่ทำผิดเงื่อนไข  โดยจะใช้เวลานับจากหรือสองสัปดาห์ในการสร้างปัญหาไฟแนนซ์ที่มีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว


พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รองผบช.ภ.8 กล่าวว่า หลังจากนี้จะทำการขยายผลว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งขณะนี้เราพบพยานหลักฐานที่ดำเนินคดี 5 ราย แต่หากมีพยานหลักฐานเพิ่มก็จะดำเนินคดีเด็ดขาด อีกทั้งจะขยายผลขั้นตอนการทวงหนี้ว่าถูกต้องหรือไม่ หรือมีผู้เสียหายที่เป็นลูกหนี้ถูกพนักงานของทางไฟแนนซ์ยึดรถไป แต่ไม่นำส่งหรือไม่ อยู่ระหว่างดำเนินการ 


เบื้องต้นการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 5 คน เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด หรือใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการ นั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันทำร้าย ร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ”
เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310, 295, 83 และ 80 อัตราโทษ จาคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

//////






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น