วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

คณะสงฆ์นนท์ลงมติประวัติศาสตร์ ยกวัดกระทาโหง (ร้าง) เป็นวัดรุ่ง สนพ.หน้าแตกยับอวยผู้เช่าไม่ขึ้น เจอพระนัก กม.สวนกลับทุกดอก ..ระวังจะโดน 157


คณะสงฆ์นนทบุรีจัดประชุมส่วนราชการและชาวบ้าน โต้กันเดือดก่อนลงมติเอกฉันท์ยกวัดกระทาโหง(ร้าง) ให้กลับมาเป็นวัดรุ่ง สนพ.อวยผู้เช่าสุดฤทธิ์ หน้าแตก ถูกพระสอนข้อกฎหมายสิ้นท่า ที่สุดเสี่ยงอ่อยยอมรับมติ ฝ่ายอดีตผู้เช่านอมินีนั่งเป่าสาก ทายาทเจ้าของที่ดินป้าอำไพและชาวบ้านปวารณาขอเป็นเจ้าภาพยกวัดร้างเป็นวัดรุ่งตามเจตนาของบรรพบุรุษที่บริจาคที่ดิน 


 เมื่อวันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ที่ห้องประชุมราชนันทมุนี วัดบัวขวัญ พระอารามหลวง ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้มีการประชุมเรื่อง การใช้ประโยชน์ที่ดินวัดกระทาโหง (ร้าง) และร่วมเจรจาหาทางออกร่วมกันเพื่อยกวัดกระทาโหง (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา เพื่อขอมติให้ยกขึ้น เป็นวัดในพระพุทธศาสนา มีพระอยู่จำพรรษา บรรยากาศก่อนการประชุมคึกคักด้วยจำนวนพระสงฆ์ สาธุชนและสื่อมวลชนจำนวนมากให้ความสนใจจะเข้าร่วมประชุม ทำให้ห้องประชุมขนาดใหญ่ของวัดบัวขวัญดูคับแคบไป ประกอบกับมาตรการป้องกันเชื้อ Covid 19 ทำให้ต้องมีการเชิญผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งพระและฆราวาสออกนอกห้องประชุม ทำให้กำหนดการประชุมเดิมที่ 13.00 น. ต้องล่าช้าออกไป และรอการมาของ นายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี 



 ก่อนหน้าการประชุมได้มีการเผยแพรข้อความลงในสื่อออนไลน์เชิญชวนให้สื่อมวลชนและพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมฟังการประชุมโดยมีข้อความดังนี้ เรียนท่านสื่อสารมวลชน ทุกท่านและ ท่านผู้มีหัวใจรักพระพุทธศาสนา เรื่อง ประชุมวัดร้างกระทาโหง ขอมติให้ยกขึ้น เป็นวัดในพระพุทธศาสนา มีพระอยู่จำพรรษา เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบต่อไป สืบเนื่องจากการประชุมคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ ผลจากการประชุม วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 9.30 น ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการหมายเลข 306 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา สผ. พิจารณาการยกวัดกระทาโหง (ร้าง) ขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยนิมนต์,บุคคล ,หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมดังนี้ เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ เจ้าคณะตำบลเสาธงหิน ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี นายอำเภอบางใหญ่ นายกเทศมนตรีตำบลบางเลน นางอำไพ พูนขำ (ผู้ร้อง) จากนั้นคณะทำงานฯสภาผู้แทนราษฏร์ ได้ไปกราบสมเด็จมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิตร ประธานคณะกรรมการ พิจารณางบประมาณศาสนสมบัติกลางประจำ พ ศ ป. เรื่องยกวัดกระทาโหง (ร้าง)ให้เป็นวัดที่มีพระภิกษุจำพรรษา สมเด็จฯผู้เป็นประธาน ตอบตกลงแล้ว ได้เมตตามีบัญชาสั่งการเบื้องต้นให้ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี ห้ามรับเงิน ห้ามต่อสัญญาเช่าที่ดินวัดกระทาโหง (ร้าง) อีกต่อไปแล้ว คณะสงฆ์ อำเภอบางใหญ่ และ พุทธศาสนิกชน ชาวบ้าน ต่างปลาบปลื้มปิติยินดี ขออนุโมทนาบุญ จากการธำรงพระพุทธศาสนา แต่ผู้มีหน้าที่ ปฎิบัติงานเพื่อปกป้อง คุ้มครอง รักษา พระพุทธศาสนา กระทำตนนอกเหนือจากหน้าที่ ติดต่อทายาทเจ้าของที่ดิน เพื่อต่อรอง โดยมีการเรียกเอาทรัพย์สินเงินทอง แลกกับการ ไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดินวัดร้าง ทำตัวเหมือนโจร ทำลายพระพุทธศาสนาร่วมมือกับกำนันอิทธิพล ผู้ให้นอมินี ทำสัญญาเช่า โดยหวังฮุบที่ดินวัดร้างต่อไป ที่ดินผืนงามทำเลทองมูลค่านับร้อยล้าน วัดกระทางโหง (ร้าง) หริอวัดคฑาโหง ตั้งอยู่ใน ต.บางเลน อ.ใหญ่ (ตลาดขวัญ) จ.นนทบุรี มีเนื้อที่ 9 ไร่ 3 งาน 9 ตารางวา ปัจจุบันมีสภาพเป็นร่องสวนขาดการดูแล และมีอาคารหลังย่อมๆ อยู่กลางที่ดินภายในมีพระพุทธรูปเก่าแก่ดั้งเดิมของวัดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ขนาดต่างๆ หลายองค์ เป็นที่ดินผืนงามรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อยู่เยื้องการไฟฟ้าบางใหญ่ หากมองจากถนนใหญ่ จะแวดล้อมด้วยหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ทั้งด้านหลังและด้านขวามือ ด้านซ้ายมือจะติดกับที่ทำการเทศบาลตำบลบางเลน และด้านติดตลาดนัดของกำนันผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง มูลค่าของที่ดินแปลงนี้ปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท จึงมีผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าร่วมประชุมครบ 



 ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้แก่ฝ่ายบรรพชิตประกอบด้วยพระราชนันทมุนี (ไสว สุขวโร ป.ธ.๔) เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เจ้าอาวาสวัดบัวขวัญ พระอารามหลวงและรองเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เจ้าคณะอำเภอทั้ง 6 อำเภอในจังหวัดนนทบุรี คืออำเภอเมือง อำเภอบางบัวทอง อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางใหญ่ และ อำเภอไทรน้อย, เจ้าคณะตำบลเสาธงหิน ส่วนราชการประกอบด้วย นายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี, นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, นายสุเทพ ภู่รัตนโอภา ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน, นายเดซา มหาเดชากุล ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี, นายคม ภัทรกุลประเสริฐ ผู้อำนวยการกลุ่มศาสนสมบัติส่วนภูมิภาค, นางสาวพรลภัส ยมวัน เจ้าพนักงานศาสนสมบัติชำนาญงาน, นางสาวสกาวรัตน์ สุเภากิจ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ, นางสาวธณัทธ์นันท์ เก้าพรพงศ์ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ, นางดารงค์ขฏิญญ์ เกตุแก้ว นักวิชาการศาสนาชำนาญการ,รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 ต.บางเลน ฝ่ายการเมืองคณะอนุกรรมาธิการศาสนาศิลปวัฒนธรรมฯ คือดร.บำรุง พันธ์อุบล รวมทั้งที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการฯ , ฝ่ายอดีตผู้เช่าคือ ว่าที่ร้อยตรีศักดิพัฒน์ คำชู, ฝ่ายผู้ขอยกวัดร้างเป็นวัดมีภิกษุจำพรรษา คือนางอำไพ พูนขำ พร้อมญาติและชาวบ้าน นอกจากนี้ยังมีสมาชิสภาเทศบาลตำบลบางเลน และสื่อมวลชนหลายแขนง โดยมีพระราชนันทมุนี (ไสว สุขวโร ป.ธ.๔). เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี. เจ้าอาวาสวัดบัวขวัญ พระอารามหลวงเป็นประธานที่ประชุม เกือบวุ่น .... มากันมาก ต้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออก อ้างโควิด แต่ที่แท้กลัวสื่อมวลชน ทำให้การประชุมล่าช้า 


 เจ้าคณะจังหวัดประธาน-รองผู้ว่านนท์ร่วมประชุม เวลา 14.10 น.เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีกล่าวนำบูชาพระรัตนตรัยแล้วเปิดประชุม โดยนายเดซา มหาเดชากุล ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนนทบุรี กล่าวนำว่า เรื่องนี้ได้ดำเนินการมา นานแล้ว และได้เคยเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการศาสนาฯ แล้ว แต่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ เนื่องจากสำนักพุทธฯได้ทำสัญญาเช่าไปแล้ว และผู้เช่าประสงค์จะต่อสัญญาเช่าโดยขอลดค่าเช่า แต่มีผู้คัดค้าน ต้องการให้สร้างเป็นวัด วันนี้จึงมาประชุมกันเพื่อหาทางออก และเชิญผู้เกี่ยวข้อชี้แจง สงฆ์เปิดเกมส์แถลงทุกฝ่ายพร้อมใจยกเป็นวัด พระภาณุมาศ เจ้าคณะตำบลเสาธงหิน กล่าวว่า คณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี โดยเจ้าคณะอำเภอทั้งหกอำเภอต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะให้ยกวัดพกระทาโหง(ร้าง) ให้เป็นวัดรุ่งที่มีพระสงฆ์จำพรรษา เพราะที่ดินผืนนี้ยังคงสภาพเป็นวัดแม้จะไม่มีกุฏิก็ตาม แต่ทางผู้ร้องคือนางอำไพ พูนข ทายาทเจ้าของที่ดินประสงค์จะอุปถัมภ์ยกให้เป็นวัดดังเดิม โดยได้ทำหนังสือขอคัดค้านการให้เช่า และขอให้ยกเป็นวัดที่มีภิกษุจำพรรษา และล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564 เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ได้ลงนามในหนังสือขอให้มีการยกเป็นวัดยื่นไป โดยความเห็นชอบของทั้งนายอำเภอและรองผู้ว่าฯ เจ้าคณะตำบลเสาธงหินย้ำว่าปัจจุบันสัญญาเช่าที่ดินแปลงนี้ได้หมดอายุไปแล้วจึงมีสภาพปลอดภาระแล้ว ส่วนปัญญาเรื่องที่ดินไม่มีทางออกนั้น ก็แก้ไขแล้วโดยทางองค์การบริหารส่วนตำบลบางเลนก้ได้มีหนังสือยืนยันอนุญาติให้ใช้ผ่านเข้าออกได้แล้ว อีกทั้งผู้ใหญ่บ้านและราษฏรในหมู่ 9 ต่างก็เห็นชอบทั้งสิ้น ในขณะที่ผู้เช่า (คือว่าที่ รต.ศักดิพัฒน์ คำชู) ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เช้า แต่ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ชลบุรี จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะให้เช่าต่อไป พระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่กล่าวสรุปย้ำชัดว่า ที่เรามาประชุมกันในวันนี้เพื่อยกให้เป็นวัด เพราะทุกฝ่ายพร้อมแล้วทั้งทางคณะสงฆ์ทั้งหมดพร้อมทั้งญาติโยมและทายาทเจ้าของที่เดิม เหลือเพียงความเห็นของทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (สนพ.) คนเดียวเท่านั้น ทายาทเจ้าของที่ดินเล่าตำนานการสร้างวัดกระทาโหง พระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่จึงขอให้นางอำไพ พูนขำในฐานะผู้ร้องขอให้มีการยกเป็นวัดชี้แจง นางอำไพได้เล่าประวัติเดิมของที่ดินแปลงนี้ที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุคนก่อนมายกให้สร้างเป็นวัดมา แม้ต่อมาเป็นวัดร้างมีผู้เช่าปลูกสร้างบ้านเรือนก็ได้รื้อถอนออกไปหมดแล้วทิ้งให้รกร้างมานาน และย้ำว่าตนยินดีจะบริจาคทรัพย์เพื่อให้ยกวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระภิกษุจำพรรษา ตามเจตนารมณ์ของปู่ยา ตายาย บรรพบุรุษที่ตั้งใจไว้ พร้อมทั้งระบุว่าชาวบ้านทุกคนสามารถยืนยันได้ว่าผู้เช่าไม่เคยมาใช้ที่ดินนี้เพื่อทำสวนแต่อย่างใดเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น