วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

หลอกลวงลงทุนซื้อขายค่าเงินออสเตรเลีย
วันที่ 31 ตุลาคม 2561ได้มีตัวแทนผู้เสียหาย จำนวนกว่า 20 ราย เข้ายื่นหนังสือ ขอความช่วยเหลือกรณีตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ มูลค่า ความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท


พฤติการณ์กล่าวคือ มี น.ส.ฉัตรแก้ว แสงทอง กับพวก ทราบว่าพำนักอยู่ประเทศออสเตรเลีย เป็นเอเจนซี่ของบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแห่งหนึ่ง ในประเทศออสเตรเลีย โฆษณาชักชวนกลุ่มผู้เสียหายผ่านทางเฟสบุ๊ค ให้นำเงินมาลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า สกุลเงินดอลล่าห์ออสเตรเลีย การันตีผลตอบแทนสูง ซึ่งมีหลายผลตอบแทนการลงทุนสูงเป็นระยะเวลา เช่น 1 เดือน เป็นต้นไป สูงสุด 18 เดือน ผลตอบแทนตั้งแต่ 6 % ถึง 44 % ซึ่งในช่วงแรกได้รับผลตอบแทนจริง และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ก็มีการนำเงินมาลงทุนจำนวนสูงขึ้น ต่อมา น.ส.ฉัตรแก้ว ฯ กับพวก ไม่จ่ายผลตอบแทนตามที่ตกลง มีผู้เสียหายทั้งคนไทยที่อยู่ในประเทศไทย และคนไทยที่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย หลงเชื่อจำนวนมากกว่า 300 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท




การกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพ เป็นความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนเร่งรัดติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว

ขอขอบคุณ ภาพ/ ข่าว จาก
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.

   ตำรวจกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร  จัดกิจกรรมงานฮาโลวีน ถนนข้าวสาร เพื่อประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว และ เดินรณรงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในถนนข้าวสาร


เมื่อเวลา 19.00น. วันที่ 31 ต.ค. ที่ถนนข้าวสาร แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. พล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รรท.ผบช.ทท. พร้อมด้วยพล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวยกิจ  ผบก.น.1 เจ้าหน้าที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สน.ชนะสงคราม และผู้ประกอบการถนนข้าวสาร  ร่วมจัดกิจกรรมงานฮาโลวีน ถนนข้าวสาร “Khaosan Halloween 2018” 



เพื่อประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว และเดินรณรงค์แจกลูกอม ใบปลิวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ    พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบแนวทางการปฎิบัติให้ทุกหน่วยดำเนินการเชิงลุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นแหล่งท่องเที่ยว 




ซึ่งถนนข้าวสารแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อีกทั้งเป็นตัวอย่างของการบูรณาการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจในพื้นที่     พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวต่อว่า ซึ่งในการจัดกิจกรรมในวันนี้เป็นความร่วมมือของผู้ประกอบการบนถนนข้าวสาร เพื่อประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว โดยมีตำรวจท่องเที่ยว สน.ชนะสงคราม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นการสร้างความอุ่นใจให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว อันเป็นการเสริมสร้างการท่องเที่ยวที่ดีของประเทศต่อไป    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ต่างพากันแต่งหน้าผีซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งนี้บริเวณทางเข้าถนนข้าวสาร ทางตำรวจนำเครื่องสแกนและแผงเหล็กมาตั้งไว้ เพื่อตรวจหาสิ่งผิดกฎหมายของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาร่วมงาน อีกทั้งบริเวณหน้าโรงแรมบัดดี้มีการจัดตั้งเวทีคอยเปิดเพลงให้กับผู้ที่ร่วมเดินทางมา นอกจากนี้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยเดินตระเวนดูแลความเรียบร้อยและคอยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวตลอดทั้งงาน


ภาพ//ข้อมูลข่าว
//กอล์ฟ Google / พีพระราม3//  รายงาน
การจัดการอบรมเจ้าหน้าที่งานตรวจมลภาวะ จากเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ
เรื่องการใช้อุปกรณ์ตรวจวัดควันดำทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ 


วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2561 เวลา 13.00 น. ณ ห้องแสงสิงแก้ว ชั้น 2 กองบังคับการตำรวจจราจร ผบ
- พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รรท.ผบก.จร.
- พ.ต.อ.ชัชชัย สำเนียง ผกก.5 บก.จร.
- พ.ต.ท.สมเกียรติ อนันตกาล รอง  ผกก.5 บก.จร.
- พ.ต.ท.รัฐฉัตร พันธุ์สุข สว.งานตรวจพิสูจน์มลภาวะ กก.5 บก.จร.



พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ และ
สำนักสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร(กทม.) ร่วมแถลงการณ์รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับคลิปวีดีโอที่มีการเผยแพร่
หลักการตรวจวัดควันดำลักษณะงานตรวจพิสูจน์มลภาวะ กก.5 บก.จร. เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษอธิบาย




ถึงหลักการและวิธีการตรวจวัดควันดำ แผนการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรงานตรวจพิสูจน์มลภาวะ
และสานักงานสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานครอธิบายเกี่ยวกับภาวะฝุ่นละอองในกรุงเทพมหานคร
ในวันดังกล่าว บก.จร.ได้จัดอบรมโครงการเรื่องการใช้อุปกรณ์ตรวจวัดควันดำ(ภาคทฤษฎีและ
ภาคปฏิบัติ) ให้กับข้าราชการตำรวจ งานตรวจพิสูจน์มลภาวะ กก.5 บก.จร. และหน่วยงานร่วม ได้แก่
กรุงเทพมหานคร , สำนักงานขนส่งทางบก และสถาบันมาตรวิทยา เพื่อเป็นการทบทวนความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่
ฝ่ายปฏิบัติ กก.5 บก.จร. โดยได้ รับการสนบสนุนวิทยากรจากกรมควบคุมมลพิษ .

- นายจารุพงศ์ เพ็งเกลี้ยง
หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมมลพิษ 1 กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
- นายอธิราช ทองบุญ
นักมาตรวิทยาชำนาญการ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- นายกิติพัฒน์ ล่ำสัน
ผู้อำนวยการส่วนตรวจมลพิษ 2 กองตรวจมลพิษ กรมควบคุมมลพิษ
ลุยโลจิสติกส์ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ โลจิสติกส์การค้าไทยแลนด์ ยุค 4.0


     ที่ห้องปทุมวันโรงแรมสุนีย์ แกรนด์ โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี สำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรและลดต้นทุนโลจิสติกส์ ขึ้น โดยมี นายพิชัย เมืองมัจฉา พาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมด้วย กรรมการหอการค้า ตัวแทนเครือข่ายกลุ่ม Biz Club บริษัท ประชารัฐรักษ์สามัคคี และ นักธุรกิจ ในจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมในการรับฟังการบรรยายเรือง Disruptive Transportation in E-commerce Logistics โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วันชัย รัตนวงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โลกธุรกิจในปัจจุบันเป็นยุคของการปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้างเพื่อรองรับการค้าและการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในเรื่องของ e-Commerce e-Trading





เพื่อมุ่งเน้นไปสู่ธุรกิจที่มีความยั่งยืน Sustainability ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในหลายๆด้าน ทั้งด้านการค้าและด้านโลจิสติกส์ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุค Industry 4.0 และ E-Logistics รวมถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาในธุรกิจ  เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มผลตอบแทนทางธุรกิจ และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งปัจจุบันค่าขนส่งถือเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนโลจิสติกส์ที่มีสัดส่วนสูง ดังนั้นนอกเหนือจากการส่งสินค้าไปถึงเป้าหมายโดยปลอดภัย ถูกต้อง และตรงเวลาแล้ว ผู้ใช้บริการด้านโลจิสติกส์ ยังต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าในการขนส่งสินค้ามากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องการเพิ่มช่องทางและโอกาสในการเลือกใช้บริการจากผู้ประกอบ การโลจิสติกส์ไทยที่มีคุณภาพและสร้างความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น สำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการโลจิสติกส์ จะได้รับประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กร



ซึ่งไม่เพียงส่งผลดีต่อพัฒนาศักยภาพด้านโลจิสติกส์การค้าเท่านั้น หากแต่ยังสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับการส่งออกของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการค้าชายแดนและผ่านแดน เนื่องจากประเทศไทยมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน อีกทั้งผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทยชำนาญเส้นทางการค้าในอนุภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมี การเสวนาเรื่อง Disruptive Transportation in Logistics 4.0 ความท้าทายและปรับตัวของผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ในยุค 4.0 การระดมความคิดเห็น การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรและลดต้นทุนโลจิสติกส์//สุธน ประกอบพร จ.อุบลราชธานี
สตม. ประชุมประสานความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์กับกรมตรวจคนเข้าเมืองแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา


ด้วยเนื่องจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ราชอาณาจักรไทย ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์
หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป




​พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เรียนเชิญ อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมประชุมหารือแนวทางการประสานความร่วมมือ
และกระชับความสัมพันธ์ ระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกรมตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา ในวันพุธที่
31 ตุลาคม 2561





​ โดยในเวลา 10.00 นาฬิกา ณ บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ได้มีการพบปะกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กับ Pol.Gen.Kirth Chantharith Director General of General Department of Immigration (อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
และในเวลา 10.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมศรีอรัญ โรงแรมอินโดจีน อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จะมีการประชุมหารือแนวทางการประสานความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ของตรวจคนเข้าเมือง แห่งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ให้มีมากยิ่งขึ้น เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ มุ่งสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั้งสองประเทศ และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว นักลงทุนชาวต่างชาติ ส่งเสริมบรรยากาศการค้าการลงทุนและการพัฒนาศักยภาพด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอีกด้วย

//ขอขอบคุณ ภาพ/ ข่าว// จาก
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

"ฝนหลวงฯ! คลี่คลายสถานการณ์น้ำในเขื่อน ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักรองรับฤดูแล้ง 2562!!


กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนสำคัญของประเทศทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางที่ยังมีความต้องการ โดยปฏิบัติการทันทีเมื่อมีสภาพอากาศ เหมาะสม และหลีกเลี่ยงพื้นที่การเกษตรที่กำลังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต


วันที่ 31 ตุลาคม 2561 เวลา 12.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและ
การบินเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้รับการร้องขอรับบริการฝนหลวงจากเกษตรกรและอาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่ และได้รับประสานจากกรมชลประทาน เรื่อง การเติมน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้มีเพียงพอสำหรับฤดูแล้งในปีถัดไปนั้น กรมฝนหลวงและ การบินเกษตร ได้ให้ความสำคัญและปฏิบัติการช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2561


โดยขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 874 เที่ยวบิน ใช้สารฝนหลวง 751.5 ตัน เพื่อเติมน้ำให้เขื่อนสำคัญได้แก่ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ ปฏิบัติการ จำนวน 22 วัน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน จำนวน 10.359 ล้าน ลบ.ม. จากแผนคาดการณ์จำนวน 10 ล้าน ลบ.ม. รวมมีปริมาตรน้ำในอ่าง 125.22 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น ร้อยละ 48 ของความจุอ่าง ซึ่งสูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 5 และเขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา ปฏิบัติการจำนวน 30 วัน ทำให้มีปริมาณน้ำไหล เข้าเขื่อน จำนวน 266.83 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 85 ของความจุอ่าง ซึ่งสูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 24 นอกจากนี้ สำหรับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดกลางบางส่วน เช่น อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำลาด จ.นครสวรรค์ อ่างเก็บน้ำห้วยยาง จ.สระแก้ว เป็นต้น
 

กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงปฏิบัติการช่วยเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักต่อไป โดยกำชับเจ้าหน้าที่ ให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงพื้นที่การเกษตรที่กำลังเก็บเกี่ยวในช่วงนี้
สำหรับการติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำตามที่
คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ (WMSC) กรมชลประทานได้ขอให้กรมฝนหลวงและ การบินเกษตรช่วยเติมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำ จำนวน 17 แห่ง อาทิ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนอุบลรัตน์
เขื่อนลำมูลบน อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำลาด อ่างเก็บน้ำห้วยโป่ง และอ่างเก็บน้ำกระเสียว กรมฝนหลวงและ การบินเกษตร ได้เร่งปฏิบัติตามแผนขยายเวลาปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือและคลี่คลายสถานการณ์น้ำต่อไป
จนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อช่วยให้พี่น้องเกษตรกรและประชาชนมีปริมาณน้ำเก็บกักรองรับการใช้เพื่อ ทำการเกษตรและอุปโภคบริโภคในฤดูแล้งที่กำลังมาถึงอย่างเพียงพอ นายสุรสีห์ กล่าวทิ้งท้าย!!
*******************************
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
31 ตุลาคม 2561
อำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงเปิดเทอม 2/2561 และรณรงค์ติดสติ๊กเกอร์ โครงการ “คุณอาคะ..กรุณาอย่าลืมหนูไว้ในรถนะคะ”


วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2561 เวลา 06.45 น. ณ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.,
พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ รรท.รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รรท.รอง ผบช.น., พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1, พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รรท. ผบก.จร., พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ที่ปรึกษา บก.จร. และ คณะผู้บริหารโรงเรียนเซนต์คาเบรียล โดย ภารดา ดร.มณฑล ประทุมราช ผู้อำนวยการ, ภราดา คฑาวุธ สิทธิโชคสกุล และ ภราดา จำรัส แก้วอำคา รองผู้อำนวยการ ร่วมจัดการจราจรในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2561 โดยมี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1, รองผู้บังคับการตำรวจจราจร และข้าราชการตำรวจ บก.จร., สน.สามเสน และอาสาจราจร ร่วมอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร บริเวณหน้าโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ถนนสามเสน





ตามนโยบายรัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการจราจรบริเวณหน้าโรงเรียนและสถานศึกษา ซึ่งในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี จะเป็นช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ซึ่งอาจกระทบการจราจรติดขัดหรือมีรถสะสมบริเวณหน้าสถานศึกษา/โรงเรียน ส่งผลกระทบต่อการจราจรในภาพรวมแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเทอม ภาคการศึกษาที่ 2/2561 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประชุมและสั่งการให้ สน. พื้นที่ที่มีสถานศึกษา/โรงเรียนทั้งขนาดใหญ่และเล็กตั้งอยู่ วิเคราะห์สภาพปัญหา และเสนอแนวทางแก้ไข และกำชับการปฏิบัติ โดยให้ สน.พื้นที่ ประสานการปฏิบัติร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร เข้าขอความร่วมมือกับทางโรงเรียน ดังนี้ การจัดการจราจรและจัดเตรียมสถานที่จอด รับ – ส่ง นักเรียน, ประชุมชี้แจงผู้ปกครองเกี่ยวกับขั้นตอนเตรียมพร้อมบุตรหลาน ในการรับ – ส่ง เมื่อถึงจุดส่งให้ จอดส่งโดยเร็ว ภายใต้สโลแกน “No kiss No hug No bye…เตรียมกระเป๋าพร้อมลง” เป็นต้น โดยปัจจุบันในหลายพื้นที่ได้เน้นจัดการจราจรโดยเปิดช่องการจราจรพิเศษ เพื่อเพิ่มช่องทางเดินรถ ทั้งในชั่วโมงเร่งด่วน เช้า และ เย็น โดยวิเคราะห์จากสภาพการจราจรและกายภาพของแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณถนนที่มีสถานศึกษาตั้งอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งกระทบต่อการจราจรเป็นวงกว้าง จำนวน ๓ กลุ่มโรงเรียน ได้แก่


๑) กลุ่มโรงเรียนบริเวณถนนสามเสน ถนนนครราชสีมา และถนนราชวิถี

๒) กลุ่มโรงเรียนบริเวณถนนสีลม ถนนสาทร และถนนเจริญกรุง

๓) กลุ่มโรงเรียนบริเวณถนนเพชรบุรี ถนนอโศกมนตรี ถนนสุขุมวิท และถนนเพลินจิต
ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังได้จัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกรับ – ส่ง บุตรหลาน ในกรณีที่ท่านผู้ปกครองประสบปัญหารถติดไม่สามารถส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนตามทันตามเวลา ตามโครงการ “ส่งน้องถึงโรงเรียน” โดยได้ให้ กองบังคับการตำรวจจราจร เป็นหน่วยนำร่องจัดรถจักรยานยนต์ สำหรับรับ – ส่ง นักเรียน ไปยังโรงเรียนตามจุดอำนวยความสะดวก จำนวนทั้งสิ้น 18 จุด (ในระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร) แบ่งเป็น
1. ทางลงด่วนเพลินจิต (รร.ในถนนสุขุมวิท และถนนเพลินจิต)
2. ทางลงด่วนสีลม (รร.ในถนนสีลม และถนนสาทร)
3. ทางลงด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
4. ใต้ทางด่วนพระราม 4
5. จุดกลับรถตั้งฮั่วเส็ง
6. บริเวณโรงเรียน 13 แห่ง ได้แก่
(1) มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (2) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (3) รร.ราชวินิตประถม (4) รร.ละอออุทิศ (5) รร.ราชินีบน (6) รร.เซนต์คาเบรียล (7) รร.อำนวยศิลป์ (8) รร.พญาไท (9) รร.สันติราษฎร์วิทยาลัย (10) รร.วัฒนาวิทยาลัย (11) รร.มาแตร์เดอี (12) รร.เซนต์ดอมินิค (13) รร.สามเสนวิทยาลัย


โดยผู้ปกครองสามารถโทรศัพท์แจ้งความสนับสนุนการรับ – ส่ง ได้ที่สายด่วน 1197
นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้ตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น จากกรณีเด็กถูกลืมหรือทิ้งไว้ในรถ จึงได้มีโครงการ “คุณอาคะ..กรุณาอย่าลืมหนูไว้ในรถนะคะ” เพื่อป้องกันเหตุลืมเด็กในรถ
รับ – ส่ง นักเรียน จากสถิติการลืมเด็กไว้ในรถ พ.ศ.2555 – 2561 ของกรมควบคุมโรค พบว่า มีเหตุการณ์ที่เด็กถูกลืมหรือทิ้งไว้ในรถ จำนวน 26 เหตุการณ์ เด็กเสียชีวิตทั้งหมด 9 ราย และช่วยไว้ได้ทัน 17 ราย ทั้งหมดอายุ 3 – 7 ปี โดยเด็กที่เสียชีวิตจากถูกลืมหรือทิ้งไว้ในรถ เป็นรถโรงเรียน 7 ราย และเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล 2 ราย ทั้งหมดถูกลืมหรือทิ้งไว้นานกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไป



ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแนะนำผู้ปกครอง พนักงานขับรถรับ – ส่ง นักเรียน และครูพี่เลี้ยงประจำรถ ให้เตือนตนเอง 3 ข้อควรจำเพื่อป้องกันการลืมเด็กในรถ คือ “นับ ตรวจตรา อย่าประมาท” นับ คือนับจำนวนเด็กก่อนขึ้นและหลังลงจากรถทุกครั้ง ตรวจตรา คือก่อนล็อคประตูรถ ตรวจดูให้ทั่วรถ อย่าประมาท คือ อย่าทิ้งเด็กไว้เพียงลำพังแม้ช่วงสั้นๆ ก็ตาม หากพบเด็กถูกลืมไว้ในรถ ให้เรียกเจ้าของรถเพื่อมาเปิดรถโดยเร็ว หรือขอให้คนรอบข้างช่วยเหลือ โดยสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือมายัง สายด่วน 1197 หรือ 191 และอีกสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นการป้องกันที่สำคัญ คือ ตัวเด็กเอง ควรจะสอนเด็กและอธิบายวิธีเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในรถ ฝึกให้คุ้นเคยก่อนเจอเหตุสูญเสียที่เกิดจากความประมาท ป้องกันไว้ก่อน ถ้ารู้ไว้ก็จะเป็นประโยชน์กับเด็ก เริ่มจากให้เด็กลองสำรวจรถที่บ้าน หรือสอนเวลาเข้านั่งรถไปไหนด้วยกัน



การบริหารจัดการปัญหาสภาพจราจรช่วงเปิดเทอมจะบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของ 3 ฝ่าย คือ ผู้ปกครอง โรงเรียน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
งานประชาสัมพันธ์ บก.จร. โทร.02-515 3187

//ทีมข่าว นสพ.เจาะเลนส์// รายงาน



  เดอะโอ๋ !!! เรียกประชุมเร่งรัดการปฏิบัติการงานด้านความมั่นคงฯตำรวจภูธรภาค 1


วันนี้ 30 ต.ค.61 ที่ห้องประชุมเอราวัณ ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์
รอง ผบช.ภ.1 (มค)/เอราวัณ 2 เป็นประธานในการประชุมการเร่งรัดการปฏิบัติการงานความมั่นคงฯตำรวจภูธรภาค 1 ครั้งที่ 1/2562 ตามคำสั่ง ภ.1 ที่ 298/2561 ลงวันที่ 1 ต.ค.61 เรื่องการกำหนดลักษณะงานและการมอบหมายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ รอง ผบช.ภ.1 โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 รับผิดชอบงานความมั่นคงฯ ตำรวจภูธรภาค 1โดยมี พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พร้อมด้วย
รอง ผบก.สส.ภ.1 รอง ผบก.อก.ภ.1 รอง ผบก.ภ.จว.ฯผกก.สส.1-3ฯผกก.ปพ.ฯ ผกก.วคข.ฯผกก.สส.ภ.จว.ฯผกก.ฝอ.2-3 ฯผบ.ร้อย คฝ.ฯและเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการประชุม




พล.ต.ต.ธนายุตม์กล่าวว่าในที่ประชุมได้เปิดประชุมในเรื่องการปฏิบัติการด้านความมั่นคงของ ภ.1ในรอบปีงบประมาณที่ผ่านมา,จุดตรวจความมั่นคง(ว.43)ในพื้นที่และสถานภาพกำลังพลประจำจุดตรวจ,กองร้อยควบคุมฝูงชนและสถานภาพกำลังพลประจำกองร้อยควบคุมฝูงชน,แผน/โครงการฝึกทบทวนกองร้อยควบคุมฝูงชน(ช่วงเดือน พ.ย.61),บุคคลสำคัญ และสถานที่ที่สำคัญในพื้นที่
,หน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่,กลุ่มมวลชน องค์กร ที่จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการเมืองในรอบปีงบประมาณที่ผ่านมา,การดำเนินคดีเกี่ยวกับความมั่นคงในรอบปีที่ผ่านมา,ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ