วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561


วันศุกร์ ที่ 14 กันยายน 2561 เวลา 10.00 น.
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.พร้อมตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ 191 และ บก.ปอศ แถลงข่าวขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเครือข่าย OD Capital ครั้งที่ 3 จำนวน 9 คนโดยศาลอาญาอนุมัติหมายจับในคดีฉ้อโกงประชาชน และการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยยังคงมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เป็นจำนวนมาก


สืบเนื่องจากช่วงต้นเดือน กรกฎาคม 2561 ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากกลุ่มเครือข่าย OD Capital


จึงประสานงานกับนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ นายชินวัตร น้อยวัน ผู้บริหาร และแม่ทีมระดับสูงรวม รวม 32 คน ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, รวมการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน"
ปฏิบัติการจับกุมแรก วันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ทำการจับกุมนายชินวัตร น้อยวัน แม่ทีมระดับสูงสุด กับพวก รวม 29 คน

ปฏิบัติการจับกุมครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 11-12 สิงหาคม 2561 จับกุมผู้ต้องหาอีก 15 ราย
หลังจากการจับกุมและแถลงข่าวทั้ง 2 ครั้ง ได้มีผู้เสียหายจำนวนมากเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหากลุ่มที่ 3 อีกจำนวน 15 ราย และระหว่างวันที่ 12 -13 กรกฎาคม 2561 สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 10 ราย อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม 5 ราย
โดยผู้ต้องหาชุดนี้มีแม่ทีมระดับสูงอยู่ 4 คน มีพฤติการณ์มักจะชักชวนกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ระหว่างการศึกษา หรือเพิ่งจบการศึกษาเข้ามาร่วมกลุ่ม อ้างภาพลักษณ์เป็นวัยรุ่นยุคใหม่ หน้าตาดี มีความรู้ มีวิสัยทัศน์ ในการลงทุนทำธุรกิจ อายุน้อยแต่สามารถสร้างรายได้หลักล้านต่อเดือน ทำให้มีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก บางรายเป็นข้าราชการเพิ่งทำงานยังไม่มีเงินลงทุนมากพอ ถูกหลอกให้ไปกู้เงินจากสหกรณ์ หรือหน่วยงานของตนเองเพื่อนำมาลงทุนหวังจะได้กำไร เป็นหนี้หลักล้านบาท


คดีนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว รวม 63 ราย จับกุมแล้ว 54 ราย หลบหนี 9 ราย ตรวจสอบพบว่าอยู่ต่างประเทศ 4 ราย
จากการสืบสวนทราบว่าภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามผู้ต้องหากลุ่มนี้ ผู้บริหารและแม่ทีมระดับสูง ได้ชักชวนสมาชิกให้ไปหลอกลวงประชาชนในแชร์ลูกโซ่อื่นอีก โดยระดมทุนจากประชาชน อ้างว่านำเงินไปลงทุนในการเทรด Cypto Currency หรือเงินดิจิตอล รับผลตอบแทนจำนวนมากซึ่งประชาชนที่ชื่ออาจได้รับความเสียหายไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ถูกชักชวน


สำหรับคดีนี้เครือข่าย CD Capitol ดำเนินการในลักษณะของบริษัทโฮลดิ้ง ประกอบการในลักษณะนำเงินไปลงทุนในบริษัทหรือกิจการอื่นๆ จากการสืบสวนทราบว่าไม่ได้มีการจดทะเบียนพาณิชย์กิจ ประเทศไทย ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการจาก กลต. และ สคบ. โดยผู้ประกอบการจะระดมเงินทุนมาจากประชาชนทั่วไปโดยเข้าติดต่อชักชวน หรือมีการโฆษณาเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าเมื่อนำเงินมาลงทุนซื้อหุ้นของ CD Capitol แล้วเมื่อบริษัท CD Capitol เข้าตลาดหุ้น NASDAQ ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า แต่ต่อมาเมื่อเข้าตลาดหุ้นราคาหุ้นไม่ได้เป็นตามที่โฆษณา ทำให้ผู้ลงทุนได้รับความเสียหาย และช่วงหลัง CD Capitol ได้เปลี่ยนแผนการลงทุนเป็นการระดมทุนโดยโฆษณาว่าจะได้รับผลตอบแทน 5-10 % ขอเงินลงทุนทุกเดือน จำนวน 24-30 เดือน และหากสมาชิกสามารถชักชวนผู้อื่นมาลงทุน จะได้ค่าคอมมิชชั่นอีก 10% และยังมีแผนไบนารี่จับคู่รับค่าคอมมิชชั่นอีก 10% อันเป็นความผิดตาม พรก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ 2527 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 บาทถึง 1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น