วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รวบเกาหลีติด Blacklist หลบหนีเข้าไทย


​ตามนโยบายของรัฐบาล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกวดขันจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศโดยแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อเข้ามาก่ออาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคงส่งผลต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย เช่น กลุ่มเครือข่ายหลอกลวงแต่งงาน (Romance Scam) กลุ่มเครือข่ายผลิตและปลอมบัตรเครดิต (Skimming) กลุ่มชาวต่างชาติที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มกระทำผิดอาชญากรรมต่างๆ และยาเสพติด รวมถึงกลุ่มชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่ในประเทศโดยการอนุญาตสิ้นสุดลง ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนาวิธีการกระทำความผิดให้มีความซับซ้อน และหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่รัฐ
​สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้สนองนโยบายรัฐบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว


โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รรท.ผบช.ทท., พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รรท.รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ รรท.ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท.ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รรท.ผบก.ตม.๓, พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รรท.ผบก.จร., พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบก.ทท.1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองออกระดมกวาดล้างอาชญากรรม
เนื่องด้วยสำนักงานตำรวจสากลสาธารณรัฐเกาหลีแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลมีประวัติต้องโทษทางคดีอาญา
ว่า MR. BONG KEUN CHOI (นาย บอง คึน ชอย) เกิดวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๑๖ ถือหนังสือเดินทางหมายเลข M๙๐๙๗๑๖๕๕ และ M๒๑๘๒๓๖๗๕ มีประวัติต้องโทษคดีอาญาจำนวน ๔ คดี ดังต่อไปนี้



๑. Employment Security Act​​โทษจำคุก ๘ เดือน
๒. Foreigner Exchange Transaction​โทษจำคุก ๑๒ เดือน​
๓. Electronic Financial Transaction​ปรับ ๒,๐๐๐,๐๐๐ วอน
๔. Foreigner Exchange Transaction​โทษจำคุก ๘ เดือน
โดย กก.๓ บก.สส.สตม อนุมัติให้บันทึกรายชื่อบุคคลต่างด้าว เนื่องจากมีพฤติการณ์เป็นภัยสังคม เข้า
ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๒ อนุ ๖ ,๗ แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒
ต่อมา เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ได้จับกุมตัว MR.CHOI BONG KEUN
(นาย ชอย บอง คึน) อายุ ๔๕ ปี สัญชาติ เกาหลีใต้ หมายเลขหนังสือเดินทาง M๒๑๘๒๓๖๗๕ ในความผิดฐาน  “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาติ” จากการตรวจสอบพบว่ามีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยกว่า ๒๘ ครั้ง โดยข้อมูลระบุว่าเดินทางออกไปจากประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ และไม่ปรากฏข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศไทยอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจึงได้ทำบันทึกจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ขอขอบคุณ ภาพ/ ข่าว จาก
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น