วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รายงานผลปฏิบัติการทลายเครือข่าย  แก๊งคอลเซ็นเตอร์  หลอกลวงข้ามชาติ
                         
                                       
 ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารประเทศของ  พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี  ได้กำหนดยุทธศาสตร์และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ และได้เร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จริงจังในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง   พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  จึงได้แต่งตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร.) โดยได้รวบรวมเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถมาปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเพื่อเร่งรัดในการปฏิบัติการติดตามจับกุมโดยคนร้ายมีแผนประทุษกรรมที่ซับซ้อน การกระทำผิดมีการแบ่งหน้าที่กันทำ เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ โดยทางศูนย์ ศปอส.ตร. ได้ประสานการปฏิบัติกับประเทศต่างๆที่เกี่ยวข้องภายใต้นโยบาย One World One Team โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมปฏิบัติการในหลายประเทศที่ผ่านมา




ในครั้งนี้  เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการประจำศูนย์ ศปอส.ตร. สืบสวนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อตั้งเป็นศูนย์คอลเซ็นเตอร์ใช้ในการหลอกลวงประชาชนชาวจีน  ไต้หวันและมาเลเซีย  โดยจะเข้ามาทางด้านชายแดนไทย – มาเลเซีย  ทางด่านนอก  ต.สำนักขาม  อ.สะเดา  จว.สงขลา   โดยมีชายชาวมาเลเซียชื่อ “นายอาคุน” เป็นหัวหน้าขบวนการ  แก๊งคอลเซ็นเตอร์



กลุ่มนี้จะมีวิธีการ  รูปแบบในการหลอกลวงประชาชนคือจะเปิดเว็บไซต์หรือเปิดโปรแกรมเฟสบุ๊คและโฆษณาเพื่อชักชวนเหยื่อให้ร่วมทำบุญ  จัดสร้างพระ  สร้างวัด  จัดงานทำบุญต่างๆหรือบางครั้งจะหลอกให้เหยื่อทำบุญเพื่อเสริมดวงชะตาหรือเพื่อสะเดาะเคราะห์  เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะโอนเงินไปให้โดยโอนผ่านเข้าบัญชีธนาคารที่กลุ่มขบวนการจัดเตรียมไว้  เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าตามจำนวนที่ทางขบวนการต้องการแล้ว  หลังจากนั้นแก๊งดังกล่าวจะปิดเว็บไซต์และปิดการติดต่อสื่อสารกับเหยื่อทุกช่องทางแล้วหลบหนีไป จึงได้ประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศมาเลเซีย ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ตำรวจท่องเที่ยว สถานีตำรวจภูธรสะเดา และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้
เป็นการปฏิบัติการภายใต้การอำนวยการ ของภายใต้การอำนวยการของ



พล.ต.ต.สุรเชษฐ์  หักพาล รรท.ผบช.สตม.,พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญะวงศ์ รรท.รอง ผบช.สตม. , พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รรท.ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท.ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รรท.ผบก.จร.,พ.ต.อ.ชูธเรศ  ยิงยงดำรงสกุล ผกก.ตรวจคยเข้าเมืองจังหวัดสงขลา,พ.ต.อ.สวัสดิ ศรีแสนยง  ผกก.สภ.สะเดา,พ.ต.อ.สัญญา เนียมประดิษฐ์ ผกก.3 บก.ทท.๓ และ จนท.ชุดปฎิบัติการ ศปอส.ตร.ชุดที่ 5,๖,๗,๘,๙ นำโดย พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิศมัย รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง/หน.ชุดปฎิบัติการที่ ๘

สรุปผลการปฏิบัติได้ดังนี้
1. ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย  จำนวน  5  จุด  สรุปรวมได้ดังนี้
2. ควบคุมบุคคลได้ จำนวน 15 คน
    - คนไทย  (หญิง) 5  คน
    - คนมาเลเซีย  (ชาย) 10  คน
3. ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ จำนวน  51 เครื่อง
4. คอมพิวเตอร์โน้ตบุค   จำนวน 7 เครื่อง        
5. บัญชีธนาคาร จำนวน  8   เล่ม
6. บัตร ATM /บัตรเครดิต   จำนวน   56   ใบ
7. ตรวจยึดรถยนต์ จำนวน 4 คัน
8. ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 4  คัน            
9. เงินไทย จำนวน  41,500  บาท
10. เงินมาเลเซีย จำนวน  31,043  ริงกิต



ในส่วนของผู้ที่ถูกควบคุมตัวที่เป็นคนต่างชาติได้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาเพื่อดำเนินเพิกถอนการพักอาศัยในประเทศไทย และประสานส่งตัวดำเนินคดีในประเทศมาเลเซีย พร้อมส่งมอบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่ตรวจยึดได้  โดยในส่วนผู้ถูกควบคุมที่เป็นคนไทยอยู่ระหว่างทำการซักถามขยายผลเพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ใดมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในกระทำความผิดหรือไม่  หากพบว่าเกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

ขอขอบคุณ ภาพ/ ข่าว จาก
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น