วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

“ จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาคดี Romance Scam และ Call center ”




ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารประเทศของ  พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี  ได้กำหนดยุทธศาสตร์และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ และได้เร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จริงจังในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  จึงได้แต่งตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปอส.ตร.) โดยได้รวบรวมเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถมาปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเพื่อเร่งรัดในการปฏิบัติการติดตามจับกุมโดยคนร้ายมีแผนประทุษกรรมที่ซับซ้อน การกระทำผิดมีการแบ่งหน้าที่กันทำ เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ โดยทางศูนย์ ศปอส.ตร. ได้ประสานการปฏิบัติกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายใต้นโยบาย One World One Team โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมปฏิบัติการในหลายประเทศที่ผ่านมา




การปฏิบัติการภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์  หักพาล รรท.ผบช.สตม. , พล.ต.ต.กฤษกร  พลีธัญญวงศ์ รรท.รองผบช.สตม. , พ.ต.อ.อาชยน  ไกรทอง รรท.ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.พนัญชัย  ชื่นใจธรรม รรท.ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.นิธิธร  จินตกานนท์  รรท.ผบก.จร. ได้มอบหมายให้เร่งรัดการจับกุมผู้ต้องหาที่ได้ทำการหลบหนีการจับกุม และกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวถูกออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งเป็นความผิดในคดี Romance Scam รวมจำนวน 40 ราย และ ผู้ต้องหาในคดี Call center รวมจำนวน 35 ราย โดยมีเป้าหมายการจับกุมผู้ต้องหา ครบ 100 เปอร์เซ็นต์
​โดยสรุปผลการปฏิบัติได้ดังนี้
- สามารถจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับ คดี Romance Scam ได้จำนวน 28 ราย (อายัด 2 ราย)
โดยมี ผู้ต้องหา เป็นชาวต่างชาติ 2 ราย คนไทย 24 ราย
- สามารถจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับ คดี Call Center ได้จำนวน 13 ราย
​โดยผู้ต้องหาเป็นชาวไทยทั้งหมด
รวมจับกุมทั้งหมด 41 หมายจับ
และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. ยังคงดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่หลบหนีทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง ต่อไป

ขอขอบคุณ ภาพ/ ข่าว จาก
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น