วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562

"เริ่มแล้ว!! กรมฝนหลวงฯ ขึ้นปฏิบัติการทำฝนสลายฝุ่นละอองในเมืองกรุง!!

"เริ่มแล้ว!! กรมฝนหลวงฯ ขึ้นปฏิบัติการทำฝนสลายฝุ่นละอองในเมืองกรุง!! 

กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วจังหวัดระยองเร่งปฏิบัติการทำฝนสลายฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เริ่มปฏิบัติการ 15 มกราคมนี้ เพื่อบรรเทาวิกฤติฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมไปมากกว่านี้ 

วันที่ 15 มกราคม 2562 เวลา 14.00 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัญหาปริมาณค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ที่ประชาชนกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอย่างต่อเนื่องนั้น โดยข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ประจำวันที่ 15 มกราคม 2562 ณ เวลา 08.00 น. คุณภาพอากาศโดยรวมยังคงอยู่ในระดับ “เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ” ในหลายพื้นที่ โดยตรวจพบค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ 51 - 90 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินเกณฑ์มาตรฐาน (50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ค่าฝุ่นละอองสูงสุดอยู่ที่บริเวณเขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอย่างต่อเนื่องอีกด้วย 

นายสุรสีห์ กล่าวต่อว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้น้อมนำตำราฝนหลวงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อใช้เป็นแนวทางยึดถือปฏิบัติและใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ ให้สอดรับกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดระยอง ขึ้นปฏิบัติการในวันนี้ (15 มกราคม 2562) เที่ยวแรกในเวลาประมาณ 10.30 น. เพื่อช่วยบรรเทาปริมาณฝุ่นละอองในอากาศในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งจากผลตรวจอากาศชั้นบน ณ สถานีเรดาร์ฝนหลวงสัตหีบ จ.ชลบุรี ความชื้นสัมพัทธ์ที่ระดับปฏิบัติการมีค่าร้อยละ 67 การยกตัวของอากาศและเสถียรภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ลมที่ระดับปฏิบัติการเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลาง มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองเล็กน้อยเป็นบางแห่ง โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดระยองได้วางแผนปฏิบัติการฝนหลวงในขั้นตอนที่ 1 (ก่อเมฆ) เวลาประมาณ 10.30 น. ที่บริเวณทิศตะวันออก อ.บางปะกง ถึงบริเวณทิศเหนือ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยเครื่องบิน CASA จำนวน 2 ลำ ใช้สารโซเดียมคลอไรด์ จำนวน 2,000 กิโลกรัม (ลำละ 1,000 กิโลกรัม) พร้อมทั้งประสานไปยังการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเพื่อเข้าไปปฏิบัติการฝนหลวงให้ใกล้พื้นที่กรุงเทพฯ มากที่สุด เนื่องจากการบินเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในนั้นยังติดเงื่อนไขกฎการบิน ซึ่งจะต้องทำการบินห่างจากสนามบินนานาชาติในระยะ 50 ไมล์เป็นอย่างต่ำ 

ทั้งนี้ ได้จัดตั้ง war room ขึ้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมเป็นต้นไป เพื่อประสานการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดระหว่างส่วนกลางกับส่วนภูมิภาค และกำชับให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วประสานความร่วมมือในการเฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำในการปฏิบัติการฝนหลวง ซึ่งจะต้องไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่ต้องการฝนในขณะนี้ด้วย จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในความพร้อมของกรมฝนหลวงฯ ที่จะช่วยบรรเทาปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ โดยมิให้ส่งผล สามารถติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารได้ทางเว็บไซต์/เพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร !!

#ประชาสัมพันธ์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร!!




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น